โลกถึงจุด 'มีเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผอม' แล้ว ผลพวงธุรกิจอาหารไร้การควบคุม

โลกถึงจุด 'มีเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผอม' แล้ว ผลพวงธุรกิจอาหารไร้การควบคุม

ยูนิเซฟเปิดเผยข้อมูล ครั้งแรกที่จำนวนเด็กที่เป็นโรคอ้วนมีจำนวนมากกว่าเด็กผอม สาเหตุสำคัญมาจากสภาพแวดล้อมด้านอาหารที่ไม่ดี การเข้าถึงอาหารแปรรูปสูงราคาถูก และการตลาดเชิงรุกของอุตสาหกรรมอาหารที่ขาดการควบคุม

KEY

POINTS

  • ยูนิเซฟเปิดเผยข้อมูลครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จำนวนเด็กและวัยรุ่นทั่วโลกที่เป็นโรคอ้วนมีจำนวนมากกว่าเด็กผอม
  • สาเหตุสำคัญมาจากสภาพแวดล้อมด้านอาหารที่ไม่ดี การเข้าถึงอาหารแปรรูปสูงราคาถูก และการตลาดเชิงรุกของอุตสาหกรรมอาหารที่ขาดการควบคุม
  • สำหรับประเทศไทย อัตราเด็กที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา และติดอันดับ 1 ใน 4 ของภูมิภาคอาเซียน

เมื่อพูดถึงภาวะทุพโภชนาการ ไม่ได้หมายถึงเด็กผอมเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงโรคอ้วนที่กำลังเป็นปัญหาที่น่าวิตกมากขึ้น โดยรายงานฉบับล่าสุด  "2025 Child Nutrition Report: Feeding Profit"  ที่จัดทำโดย "ยูนิเซฟ" (UNICEF) ระบุข้อมูลที่น่าตกใจว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จำนวนเด็กและวัยรุ่นทั่วโลกที่ป่วยด้วย "โรคอ้วน" มีจำนวนมากกว่า "เด็กผอม" โดยมีเด็กและวัยรุ่นอายุ 5-19 ปีทั่วโลกประมาณ 1 ใน 10 คนกำลังเผชิญกับภาวะโรคอ้วน

รายงานยังระบุอย่างชัดเจนว่าสภาพแวดล้อมด้านอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการเข้าถึง และ "การทำการตลาดเชิงรุก" ของเครื่องดื่มรสหวาน ขนมขบเค็ม อาหารจานด่วน และอาหารแปรรูปสูง เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี และนำไปสู่ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก

โรคอ้วนเด็กแซงหน้าภาวะผอม

รายงาน Child Nutrition Report 2025 ของยูนิเซฟเผยว่า ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเด็กและวัยรุ่นอายุ 5–19 ปีทั่วโลกที่เป็นโรคอ้วนมีมากกว่าเด็กผอมเป็นครั้งแรก โดยอัตราโรคอ้วนอยู่ที่ 9.4% ขณะที่อัตราภาวะผอมอยู่ที่ 9.2%

ปัจจุบันทั่วโลก เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 1 ใน 20 คน (5%) และเด็กอายุ 5–19 ปี 1 ใน 5 คน (20%) มีภาวะน้ำหนักเกิน จำนวนนี้เพิ่มขึ้นเกือบ ‘สองเท่า’ จากปี 2000 ที่มี 194 ล้านคน เป็น 391 ล้านคน โดยเฉพาะในประเทศรายได้ต่ำและปานกลางที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเร็วที่สุด ปัจจุบันคิดเป็น 81% ของภาระน้ำหนักเกินทั่วโลก จากเดิมที่มีเพียง 66% เมื่อปี 2000

ผลการศึกษาชี้ว่า หลายประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกมีอัตราเด็กที่เป็นโรคอ้วนสูงที่สุดในโลก เช่น นีอูเอ (ร้อยละ 38) หมู่เกาะคุก (ร้อยละ 37) และนาอูรู (ร้อยละ 33) โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตั้งแต่ปี 2000 จากการเปลี่ยนแปลงการบริโภคอาหารพื้นเมืองไปสู่อาหารนำเข้าที่ราคาถูกแต่ให้พลังงานสูง

ขณะเดียวกัน ประเทศรายได้สูงอย่างชิลี (ร้อยละ 27), สหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 21) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ร้อยละ 21) ยังคงมีสัดส่วนเด็กที่เป็นโรคอ้วนสูงเช่นกัน

อัตราโรคอ้วนในเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2000 ในขณะที่จำนวนเด็กผอมกลับลดลงเรื่อยๆ ภาวะโรคอ้วนจึงน่ากังวลกว่าน้ำหนักเกินทั่วไป เพราะรักษายากกว่า และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งบางประเภท

โลกถึงจุด 'มีเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผอม' แล้ว ผลพวงธุรกิจอาหารไร้การควบคุม

(ภาพโดย UNICEF/2023/Goupil) เด็กหญิงวัย 8 ปีประเทศเปรูกำลังเลือกขนมที่วางอยู่บนชั้นในระดับควํามสูงที่เธอมองเห็นได้ง่าย

ไทยมีเด็กน้ำหนักเกิน เพิ่มขึ้น 2 เท่า

"แคเธอรีน รัสเซล" ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า ในประเทศไทย อัตราเด็กที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา และติดอันดับ 1 ใน 4 ของภูมิภาคอาเซียน โดยเพิ่มจากร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 13 ในกลุ่มเด็กอายุ 6-14 ปี

ในส่วนของวัยรุ่นอายุ 15–18 ปี พบว่า ร้อยละ 14 มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ทั้งนี้ สหพันธ์โรคอ้วนโลกคาดการณ์ว่า ภายในปี 2035 เด็กอายุ 5-19 ปีกว่าร้อยละ 60 ในประเทศไทยจะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน

คาดว่ามูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจากโรคอ้วนอยู่ที่ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจพุ่งถึง 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 หากไม่มีการแก้ไข

โลกถึงจุด 'มีเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผอม' แล้ว ผลพวงธุรกิจอาหารไร้การควบคุม

(ภาพโดย UNICEF/2022/Goupil) เด็กคนหนึ่งวิ่งผ่านป้ายโฆษณาอาหารฟาสต์ฟู้ด ป้ายโฆษณาที่มีสีสันสดใสและสะดุดตาเช่นนี้ ช่วยให้ภาพลักษณ์ของอาหารที่โปรโมตดูน่าสนใจยิ่งขึ้นในสายตาเด็กและวัยรุ่น

อาหารแปรรูป เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

รายงานยังชี้ให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมด้านอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้ก่อตัวขึ้นจากอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงอาหารแปรรูปสูง (ultra-processed foods) ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในอาหารของเด็กและวัยรุ่น อาหารเหล่านี้หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง และมีการทำการตลาดอย่างจู่โจมในทุกพื้นที่ที่เด็กใช้ชีวิต เรียนรู้ และเล่น

อาหารและเครื่องดื่มแปรรูปสูงคิดเป็นอย่างน้อยหนึ่งในสามของปริมาณพลังงานทั้งหมดที่วัยรุ่นได้รับในบางประเทศ และสูงถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณพลังงานทั้งหมดในประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ทำให้กลายเป็น "อาหารหลัก" ในชีวิตประจำวันของวัยรุ่น

นอกจากนั้น ข้อมูลจากโครงการ Global Diet Quality Project แสดงให้เห็นว่าเด็กและวัยรุ่นอายุ 15-19 ปีทั่วโลกถึง 60% บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากกว่าหนึ่งชนิดในวันก่อนหน้า 32% ดื่มน้ำอัดลม และ 25% บริโภคอาหารแปรรูปที่มีเกลือสูงมากกว่าหนึ่งชนิด

การขายอาหารและเครื่องดื่มแปรรูปสูงทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านขายของชำออนไลน์ และแอปส่งอาหารกำลังขยายตัว อาหารเหล่านี้มักจะถูกกว่าอาหารสดหรืออาหารแปรรูปน้อยที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเงินอุดหนุนทางการเกษตรที่ทำให้วัตถุดิบหลักมีราคาถูกลง

การควบคุมการตลาด-โฆษณา อ่อนแอ

อิทธิพลของอุตสาหกรรมอาหารและการตลาด ถือเป็นปัจจัยสำคัญ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มแปรรูปสูงมีอิทธิพลอย่างมากต่อสภาพแวดล้อมด้านอาหารของเด็ก พวกเขาใช้ทรัพยากรทางการเงินและอิทธิพลทางการเมืองมหาศาลเพื่อต่อต้านนโยบายที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมด้านอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

ในประเทศไทย มีหลักฐานชัดเจนว่า การตลาดและโฆษณามีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมการกินของเด็ก แต่แม้จะมีมาตรการต่างๆ เช่น การเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ซึ่งช่วยให้ปริมาณน้ำตาลลดลงร้อยละ 10 แล้ว แต่ยังจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม

โลกถึงจุด 'มีเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผอม' แล้ว ผลพวงธุรกิจอาหารไร้การควบคุม (ภาพโดย UNICEF/2023/Madheshiya) แอปพลิเคชันส่งอาหารเข้าถึงง่าย มีความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นแหล่งอาหารแปรรูป ไม่มีสารอาหารและคำเตือนระบุ และไม่มีการออกนโยบายที่เข้มงวด

ตลาดดิจิทัลขยาย

ผลสำรวจ U-Report ในกลุ่มเยาวชนอายุ 13–24 ปี กว่า 64,000 คน ใน 170 ประเทศทั่วโลกปี 2024 พบว่า 75% เห็นโฆษณาเครื่องดื่มรสหวาน/เครื่องดื่มชูกำลัง ขนมขบเคี้ยว หรืออาหารจานด่วนในสัปดาห์ที่ผ่านมา

การตลาดดิจิทัลกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้มีอำนาจในการกำหนดเป้าหมายเด็กและวัยรุ่นได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ผ่านการโฆษณาที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล มีความน่าสนใจ และมีการกำกับดูแลที่อ่อนแอ

นอกจากนี้ โรงเรียนยังถูกแทรกซึมด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากการขาดนโยบายที่มีประสิทธิภาพ โดยมีโปรแกรมอาหารกลางวันของโรงเรียนที่เสิร์ฟเนื้อสัตว์แปรรูป ของหวาน อาหารทอด และเครื่องดื่มรสหวาน

ในประเทศไทย แนวโน้มนี้สอดคล้องกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ควบคู่กับยอดขายอาหารแปรรูปต่อหัวที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 นอกจากนี้ ยอดขายอาหารฟาสต์ฟู้ดผ่านแอปเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 650 ระหว่างปี 2013–2021 ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2021 ระบุว่า ร้อยละ 43 ของวัยรุ่นไทยบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดถึง 4 ครั้งต่อสัปดาห์

หมายเหตุ

รายงาน Child Nutrition Report 2025 อ้างอิงข้อมูลจากกว่า 190 ประเทศ รวมถึงการสำรวจครัวเรือน การประมาณการ และการสำรวจความคิดเห็น

ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกิน ภาวะเตี้ยแคระแกร็น และภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ระหว่างปี 2000–2024 มาจากการประมาณการภาวะทุพโภชนาการของเด็ก ที่จัดทำโดย ยูนิเซฟ องค์การอนามัยโลก และธนาคารโลก

สำหรับเด็กและวัยรุ่นอายุ 5–19 ปี ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน และภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ได้จากการสำรวจเชิงประชากร ข้อมูลจากหน่วยงาน และงานวิจัยที่วัดส่วนสูงและน้ำหนักในกลุ่มตัวอย่าง ตลอดจนข้อมูลระดับประเทศตั้งแต่ปี 2000-2022 และการประสานงานระหว่างเครือข่ายความร่วมมือด้านปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ (NCD-RisC)

ในการวิเคราะห์ว่าโรคอ้วนแซงหน้าภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ในเด็กอายุ 5–19 ปี ยูนิเซฟได้ทำการคาดการณ์จากปี 2022 เป็นต้นไป โดยอ้างอิงแนวโน้มของอัตราโรคอ้วนและภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ตั้งแต่ปี 2010-2022