หาดทิพย์เปิดเกมรุก เก็บขวด 'โคคา โคล่า' ย้อนกลับรีไซเคิลบรรจุใหม่ ลดขยะทะเล

หาดทิพย์ ร่วมมือ 2 องค์กร จัดตั้ง "พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้" เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติก ใช้ระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับ เก็บขวดพลาสติก PET ที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ทำเป็นบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มโคคา-โคลาใหม่อีกครั้ง
KEY
POINTS
- บริษัท หาดทิพย์ ร่วมมือกับพันธมิตรจัดตั้ง "พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้" เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกในทะเล
- ใช้ระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) ในการเก็บขวดพลาสติก PET ที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
- นำขวดที่เก็บได้มาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (rPET) เพื่อใช้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มโคคา-โคลาใหม่อีกครั้ง (Bottle-to-Bottle Recycling)
พลาสติกได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “วัฒนธรรมใช้แล้วทิ้ง” ที่สร้างภาระให้โลกต้องแบกรับไปอีกหลายร้อยปี ความคงทนที่ย่อยสลายยากก่อให้เกิดภาพขยะในทะเล และหลุมฝังกลบ สะสมในสิ่งแวดล้อม สร้างทั้งมลพิษทางสายตาและความเสี่ยงต่อมนุษย์ สัตว์และระบบนิเวศ
จากปัญหาดังกล่าว บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือ “โคคา-โคลา” ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จึงร่วมมือกับ บริษัท อ๊อกซิเทค จำกัด และ บริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด เปิดตัว “พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้” (Southern Recycling Alliance) ด้วนการนำระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics) มาใช้ในการเก็บขวดพลาสติก PET ที่ใช้แล้ว เพื่อนำไปผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (rPET) และนำกลับมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอีกครั้ง (Bottle-to-Bottle Recycling)
ลดเนื้อพลาสติก-ใช้แล้วใช้ซ้ำ
"พลตรี พัชร รัตนกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หาดทิพย์ตระหนักดีว่าเมื่อการบริโภคสิ้นสุด บรรจุภัณฑ์ของโค้กได้แปรสภาพเป็นขยะที่สร้างภาระให้กับสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาจึงได้พยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ เช่น การลงทุนกว่า 800 ล้านบาทเพื่อฟื้นฟูธุรกิจขวดแก้ว ลดปริมาณเนื้อพลาสติกที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์และฝาพลาสติกให้น้อยลง
“ตอนนี้เราได้มองเห็นทางออกอีกหนึ่งวิธี คือการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนเพราะเพียงลำพังอาจทำได้ไม่ครอบคลุม ผ่านการเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์พลาสติก PET เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นเม็ดพลาสติก rPET ที่นำกลับมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ของเราอีกครั้ง”
ที่ผ่านมาหาดทิพย์ได้ออกผลิตภัณฑ์ "โคคา โคล่า" ที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 100% ขนาด 1 ลิตรมาตั้งแต่ปี 2566 แต่เป็นการผลิตที่มีขั้นตอนรีไซเคิลแบบแยกส่วนกัน ไม่ได้เชื่อมโยงกัน ต่างจากโครงการพันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้ ที่เป็นการผลิตขวดรีไซเคิลผ่านระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับ กล่าวคือ การย้อนเส้นทางโลจิสติกส์ จากขวดที่บริโภคแล้ว กลับสู่การรีไซเคิล และไปต่อที่ผู้ผลิตเครื่องดื่ม
จากการแยกส่วน สู่ห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน
"นันทิวัต ธรรมหทัย" รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ องค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาการจัดเก็บขวดและการใช้ rPET มักเป็นคนละเรื่อง ฝั่งหนึ่งเน้นรณรงค์การเก็บขวด ส่วนอีกฝั่งต้องไปจัดหาวัตถุดิบ rPET มาใช้เอง
“จริง ๆ แล้วทั้งสองเรื่องนี้อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน การจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีปลายทางเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล หากขวดที่ผู้บริโภคดื่มหมดแล้วไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม ก็จะกลายเป็นปัญหาขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เต็มไปด้วยทะเลและหมู่เกาะสวยงาม"
จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ขวดพลาสติกยังเป็นบรรจุภัณฑ์สำคัญ และหากมีระบบรีไซเคิลที่เข้มแข็ง ก็ไม่ควรถูกมองว่าเป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม แต่ต้องมีการจัดการหลังจากนั้นที่เหมาะสม ในด้านระบบโลจิสติกส์แบบดั้งเดิมทำหน้าที่เพียงส่งสินค้าจากโรงงานถึงผู้บริโภค ก่อนจะจบลงด้วยการกลายเป็นขยะ แต่หาดทิพย์ได้ปรับบทบาทใหม่เป็นระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับให้เป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบ ดึงบรรจุภัณฑ์กลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิล ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่บริษัทสามารถทำได้จริง
อย่างไรก็ตาม "นันทิวัต" มองว่า ความท้าทายสำคัญคือ ต้นทุนของเม็ดพลาสติก rPET ที่สูงกว่า Virgin PET ราว 40% ทำให้หลายบริษัทต้องชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบ หากต้องการใช้ rPET อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ในปัจจุบันหาดทิพย์ใช้ rPET เพียงประมาณ 2% สำหรับขวดขนาด 1 ลิตร แต่เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยขยายการมีส่วนร่วมให้กว้างขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะ 3 บริษัทแรกที่เริ่มต้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้า ร้านค้า และองค์กรอื่น ๆ เข้ามาร่วม เพื่อขยายผลจากภาคใต้ไปสู่ระดับประเทศในอนาคต
"ทุกครั้งที่เห็นขยะ ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์ของเราลอยอยู่ในทะเลเนี่ย มันบาดใจเหลือเกินนะครับ"
คัดแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือน ลดภาระปลายทาง
"ดร. เศกสันต์ อุดมศรี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออกซิเทค จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการจัดเก็บและคัดแยกวัสดุรีไซเคิล มองว่า โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งกับการสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับกลุ่มคนในชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
"ชาวบ้าน ชุมชน และผู้เก็บขยะ หรือซาเล้ง ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการรวบรวมขยะรีไซเคิล"
อ๊อกซิเทคมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กระบี่ และมีโรงงานจัดเก็บที่หาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี ดำเนินธุรกิจด้านการรวบรวมและจัดเก็บวัสดุรีไซเคิล โดยเฉพาะพลาสติก มานานกว่า 14 ปี
"เรายังทำงานใกล้ชิดกับองค์กรระดับสากล เช่น IUCN และ WWF โดยสร้างเครือข่ายกับกว่า 20 ชุมชน และ 2,000 ครัวเรือน เพื่อส่งเสริมความรู้เรื่องการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงการเสนอแนวทางจ่ายเงินเพิ่ม 1–2 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับขวดน้ำดื่มที่คัดแยกอย่างดี เพื่อลดภาระการคัดแยกปลายทาง และกระตุ้นให้เกิดการคัดแยกตั้งแต่ครัวเรือน"
"ดร.เศกสันต์" ยอมรับว่า การใช้ rPET ในประเทศไทยยังมีสัดส่วนต่ำ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้เหมือนในบางประเทศยุโรป ทำให้พลาสติกบริสุทธิ์มีราคาถูกกว่า
"โครงการนี้คือโครงการนำร่อง (Pilot Project) ที่จะเป็นต้นแบบ กระตุ้นให้ภาคส่วนอื่น ๆ เข้ามามีบทบาทในการรีไซเคิลมากขึ้น"
ขยะพลาสติกคือทรัพย์สินที่สร้างมูลค่าได้
"ธัชวัช เตชะมงคลจิต" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด กล่าวว่า พลาสติกที่ถูกมองว่าเป็นขยะ จริง ๆ แล้วคือ ‘ทรัพย์สิน’ ที่สามารถสร้างมูลค่าใหม่ได้หากมีการจัดการที่เหมาะสม
“ความเป็นจริงคือ มนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตได้โดยปราศจากพลาสติก ดังนั้นหน้าที่ของเราในฐานะผู้ผลิตคือทำให้มั่นใจว่าพลาสติกทุกชิ้นจะถูกนำกลับมาใช้ซ้ำได้อย่างมีคุณค่า”
ในโครงการนี้ บทบาทหลักของรอยซ์ ยูนิเวอร์แซล คือการ ‘อัปเกรด’ พลาสติกที่ถูกเก็บรวบรวมมา แปรสภาพเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ทั้งในระดับ Food Grade และการใช้งานอื่น ๆ ที่ได้มาตรฐานตลอดกระบวนการ
รอยซ์ฯจะรับเกล็ดพลาสติก PET ที่ผ่านการจัดการเบื้องต้นจากอ๊อกซิเทค เพื่อนำไปผลิตเป็นเม็ดพลาสติก rPET ที่โรงงานจังหวัดนครปฐม โดยมีมาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และตามมาตรฐานของโคคา-โคล่า ที่หากวัตถุดิบมีสิ่งปนเปื้อนเพียงเล็กน้อย เครื่องจักรจะปฏิเสธทันที เพื่อสะท้อนกลับไปสู่ขั้นตอนต้นน้ำ และรักษาคุณภาพสูงสุดไว้ตลอดห่วงโซ่
"ธัชวัช" กล่าวถึงโอกาสของภาคใต้ว่า เป็นพื้นที่ที่มีวัสดุรีไซเคิลอีกจำนวนมาก ไม่เพียงแต่ขวด PET แต่รวมถึงพลาสติกหลากหลายประเภทที่สามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการจัดการต้นทุนและรีไซเคิลวัสดุได้ดีกว่าหลายประเทศ เราหวังว่าในอนาคตจะเกิดวันที่ ‘ทุกสิ่งสามารถรีไซเคิลได้’ อย่างแท้จริง
ผู้เขียน: ศุภชัย วงษ์โนนงิ้ว นักศึกษาฝึกงาน กรุงเทพธุรกิจ







