ชวนจับตา 10 จังหวัดเด็กยากจนพิเศษมากที่สุดในไทย 'แม่ฮ่องสอน' ครองแชมป์ 7 ปีซ้อน

ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษายังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะใน 10 จังหวัดที่มีจำนวนนักเรียนยากจนพิเศษมากที่สุด
KEY
POINTS
- จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีสัดส่วนนักเรียนยากจนพิเศษสูงที่สุดในประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ด้วยสัดส่วน 45.09%
- 10 จังหวัดที่มีสัดส่วนนักเรียนยากจนพิเศษสูงสุดส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
- ข้อมูลจาก กสศ. ปี 2567 ระบุว่านักเรียนยากจนพิเศษมาจากครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน
ข้อมูลล่าสุดจากปี 2567 โดยระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (iSEE) ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ โดยพบว่ามีนักเรียนเกือบ 40% ที่ยังอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งหมายถึงครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน หรือประมาณวันละไม่ถึง 100 บาท
เปิดข้อมูล 10 จังหวัดที่มีสัดส่วนนักเรียนยากจนพิเศษสูงสุด
ข้อมูลจาก กสศ. ชี้ให้เห็นว่าจังหวัดที่เผชิญกับปัญหานี้มากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน ซึ่งครองอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วนสูงถึง 45.09% และยังคงตำแหน่งนี้มาอย่างต่อเนื่องถึง 7 ปีซ้อน (ตั้งแต่ปี 2561-2567) ตามมาด้วยจังหวัดในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่:
- นราธิวาส: 39.81%
- นครพนม: 39.22%
- อำนาจเจริญ: 39.21%
- ร้อยเอ็ด: 38.61%
- กาฬสินธุ์: 37.73%
- ยโสธร: 37.73%
- มุกดาหาร: 35.90%
- ศรีสะเกษ: 35.86%
- สกลนคร: 35.18%
สถิติเหล่านี้สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนและเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไข
กสศ. เดินหน้าแก้ปัญหาด้วยมาตรการที่เข้าถึงและเข้าใจ
เพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ กสศ. ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกหลายด้านเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนกลุ่มนี้อย่างยั่งยืน:
- เงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข: ตั้งแต่ปี 2562 กสศ. ได้มอบเงินอุดหนุนแก่นักเรียนยากจนพิเศษกว่า 800,000 คน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา
- การลงพื้นที่และคัดกรองนักเรียน: ครูและบุคลากรทางการศึกษากว่า 400,000 คนทั่วประเทศได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียนกว่า 2 ล้านคน เพื่อทำความเข้าใจสภาพความเป็นอยู่และให้ความช่วยเหลือที่ตรงจุด
- ศูนย์ช่วยเหลือช่วงโควิด-19: ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา กสศ. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตแก่นักเรียนที่ขาดแคลน
- พัฒนาครูและบุคลากร: มีการฝึกอบรมครูในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้สามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของเด็กกลุ่มเปราะบาง
- ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น: สนับสนุนทางเลือกการศึกษาที่หลากหลาย เช่น อาชีวศึกษาทวิภาคี การศึกษานอกระบบ และการศึกษาทางไกล เพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้แม้มีข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจหรือภูมิประเทศ
- ลดความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี: ติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในโรงเรียนห่างไกลและมอบอุปกรณ์การเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าถึงแหล่งความรู้ออนไลน์ได้อย่างเท่าเทียมกัน
- การแนะแนวอาชีพ: ให้คำปรึกษาและสนับสนุนเส้นทางอาชีพสำหรับนักเรียนกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้พวกเขามีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
ถึงแม้จะมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษายังต้องการการแก้ไขที่ลึกซึ้งและครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล การสนับสนุนด้านสุขภาพและโภชนาการ และการส่งเสริมทักษะอาชีพที่ตรงจุด เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กไทยทุกคนได้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพอย่างแท้จริง







