ไทยเตรียม 'พระธาตุพนม' เป็นมรดกโลก แห่งที่ 9 โดยสมบูรณ์ ชูศิลปะลาวล้านช้าง

มีมติเห็นชอบให้จัดส่งเอกสารเพื่อผลักดัน "พระธาตุพนม" ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 9 ของไทยอย่างสมบูรณ์ ชูคุณค่าความโดดเด่นด้านศิลปกรรมแบบไทยอีสาน-ลาวล้านช้าง ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์อันงดงามของมนุษยชาติ
KEY
POINTS
- คณะกรรมการแห่งชาติฯ มีมติเห็นชอบให้จัดส่งเอกสารเพื่อผลักดัน "พระธาตุพนม" ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 9 ของไทยอย่างสมบูรณ์
- ชูคุณค่าความโดดเด่นด้านศิลปกรรมแบบไทยอีสาน-ลาวล้านช้าง ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์อันงดงามของมนุษยชาติ
- พระธาตุพนมเป็นศูนย์กลางความเชื่อการบูชาสถูปที่แผ่ขยายจากอินเดียสู่สุวรรณภูมิ และสะท้อนวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นที่ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน
ประเทศไทยซึ่งปัจจุบันมีแหล่งมรดกโลกขึ้นทะเบียนแล้ว 8 แห่ง และกำลังมีความหวังจะได้เพิ่มอีกหนึ่งสมบัติทางวัฒนธรรมสำคัญ หลังจากที่คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก มีมติส่ง (ร่าง) เอกสารขอรับการประเมินขั้นต้น (Preliminary Assessment) ต่อองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อผลักดัน "พระธาตุพนม และกลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง" เข้าสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมฉบับสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้ พระธาตุพนมและกลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง ได้รับการบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก (World Heritage Centre) ของ UNESCO ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 และผ่านการรับรองในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญในปีเดียวกัน
การผลักดันขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์และเผยแพร่คุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติของชาติไทยสู่สายตานานาชาติ แต่ยังเชื่อมโยงกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) เพราะการเป็นมรดกโลกย่อมหมายถึงการบริหารจัดการพื้นที่ด้วยความสมดุลระหว่าง การอนุรักษ์ทรัพยากร การสร้างคุณค่าเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว และการรักษาวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น ให้คงอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
เอกลักษณ์พระธาตุพนม 3 ประการ
การประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 4/2568 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน และ ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมการประชุม พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีมติส่ง (ร่าง) เอกสารขอรับการประเมินขั้นต้น ต่อองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลกและเสนอเกณฑ์คุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลจำนวน 3 ข้อ ได้แก่
1) การเป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกที่ทำขึ้นด้วยอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ โดยพระธาตุพนมมีอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมที่มีลักษณะเป็นศิลปะไทยอีสาน – ลาวล้านช้าง และได้มีการบูรณะในแนวทางที่รักษาอัตลักษณ์นี้ไว้มาเป็นระยะ ๆ จนถึงปี ค.ศ. 1975 เมื่อพระธาตุพนมได้ถูกลมมรสุมพังทลาย กรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะขึ้นใหม่ให้สวยงามตามแบบเดิม
2) การส่งอิทธิพลให้เกิดการพัฒนาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวนและภูมิทัศน์ ตลอดจนศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง ที่แสดงถึงการแลกเปลี่ยนคุณค่าและความเชื่อและวัฒนธรรมของประชาชนในเรื่องการเคารพบูชาสถูปของบุคคลที่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่แพร่ขยายมาจากอินเดียและฮินดูจนถึงสมัยพุทธกาล และเป็นประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธและได้แพร่มาสู่ตะวันออกเฉียงใต้หรือที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ
3) ความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์หรือบุคคลที่มีความสำคัญหรือความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์ โดยพระธาตุพนมมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นที่สืบทอดจนถึงปัจจุบัน
แหล่งมรดกโลกของไทยที่ขึ้นทะเบียนสมบูรณ์
แหล่งมรดกโลกของไทยด้าน "วัฒนธรรม" ที่ขึ้นทะเบียนสมบูรณ์ มี 5 แห่ง คือ
- เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) จ.สุโขทัย – ขึ้นทะเบียน ปี ค.ศ. 1991
- นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (Historic City of Ayutthaya) จ.อยุธยา – ขึ้นทะเบียน ปี ค.ศ. 1991
- แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง (Ban Chiang Archaeological Site) จ.อุดรธานี – ขึ้นทะเบียนปี ค.ศ. 1992
- เมืองโบราณศรีเทพ และโบราณสถานในสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง (The Ancient Town of Si Thep and Its Associated Dvaravati Monuments) จ.เพชรบูรณ์ – ขึ้นทะเบียน ปี ค.ศ. 2023
- ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี (Phu Phrabat, a Testimony to the Sīma Stone Tradition of the Dvaravati Period) จ.อุดรธานี – ขึ้นทะเบียน ปี ค.ศ. 2024
แหล่งมรดกโลกของไทยด้าน "ธรรมชาติ" ที่ขึ้นทะเบียนสมบูรณ์ มี 3 แห่ง คือ
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง (Thungyai–Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuaries) – ขึ้นทะเบียนปี ค.ศ. 1991
- กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (Dong Phayayen–Khao Yai Forest Complex) – ขึ้นทะเบียนปี ค.ศ. 2005
- กลุ่มป่าแก่งกระจาน (Kaeng Krachan Forest Complex) – ขึ้นทะเบียนปี ค.ศ. 2021
เกณฑ์ที่ UNESCO ใช้ตัดสินมรดกโลก
10 เกณฑ์การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของ UNESCO (Outstanding Universal Value: OUV) โดยคร่าวๆ มีดังนี้
เกณฑ์ด้านวัฒนธรรม
- ผลงานชิ้นเอกที่เกิดจากอัจฉริยภาพการสร้างสรรค์ของมนุษย์
- แสดงถึงการแลกเปลี่ยนคุณค่าอันสำคัญทางวัฒนธรรม ในด้านสถาปัตยกรรม เทคโนโลยี ศิลปกรรม หรือการวางผังเมือง
- เป็นหลักฐานพิเศษหรือไม่ซ้ำของอารยธรรมหรือประเพณีที่ยังคงอยู่หรือสูญหายไปแล้ว
- เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง หรือภูมิทัศน์ ที่สะท้อนพัฒนาการในประวัติศาสตร์
- เป็นตัวอย่างโดดเด่นของการตั้งถิ่นฐานมนุษย์หรือการใช้ประโยชน์จากแผ่นดิน ทะเล หรือภูมิภาค ที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม
- เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ บุคคล ความเชื่อ หรือผลงานศิลปะ/วรรณกรรม ที่มีคุณค่ายิ่งต่อมนุษยชาติ
เกณฑ์ด้านธรรมชาติ
- มีความงดงามหรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
- เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของประวัติศาสตร์โลก ธรณีวิทยา หรือวิวัฒนาการทางภูมิศาสตร์
- เป็นตัวแทนกระบวนการทางนิเวศวิทยาหรือชีววิทยาที่สำคัญในการพัฒนาและคงอยู่ของระบบนิเวศ
- มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืชและสัตว์หายากหรือใกล้สูญพันธุ์ที่มีคุณค่าสากล







