ปิดตำนาน 'ทีมสุดซอย' ภารกิจปราบโรงงานจีนเทา หลังเปลี่ยนขั้วรัฐบาล

สิ้นสุดการทำงานแล้วสำหรับ ‘ทีมสุดซอย’ กลุ่มนักสืบอิสระที่เคยสร้างผลงานสะเทือนวงการในการเปิดโปงโรงงานจีนเทาหลายแห่งทั่วประเทศ โดยสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและโครงสร้างการบริหารของรัฐบาลชุดใหม่
KEY
POINTS
- ทีมเฉพาะกิจ ‘ทีมสุดซอย’ ที่จัดตั้งโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม จากรัฐบาลชุดก่อน ได้ประกาศยุติบทบาทลงหลังการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลและวางรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง
- ทีมสุดซอยเป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา เช่น นักสืบเอกชนและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อทำงานเชิงรุกในการจัดการกับโรงงานอุตสาหกรรมผิดกฎหมาย
- มีผลงานสำคัญในการเข้าตรวจค้นโรงงานผลิตสินค้าปลอมแปลง แกะรอยเครือข่ายฟอกเงินของกลุ่มทุนจีนเทา และเปิดโปงขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 "ทีมสุดซอย" ซึ่งนำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย และคณะทำงานของรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประกาศยุติบทบาททีมสุดซอย หลังมีการวางตัวว่าทีรัฐมนตรีคนใหม่ (เปลี่ยนขั้วรัฐบาล) และเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ก็จะทำให้ทีมที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ ต้องยุติภารกิจลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม นายเอกนัฏ ก็ได้มีโพสต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียด้วยว่า "สุดซอย... แต่ไม่สุดทาง" จึงเป็นที่น่าจับตาว่า หลังจากนี้ต่อไป ทีมสุดซอยจะสานต่อภารกิจที่เคยทำไว้หรือไม่ ทางใด?
ประวัติ ‘ทีมสุดซอย’
ทีมสุดซอย เป็นกลุ่มที่ปรึกษาและประสานงานเฉพาะกิจที่ถูกจัดตั้งขึ้นในช่วงที่รัฐบาลชุดก่อนยังคงบริหารประเทศ เพื่อเป็นกลไกในการทำงานเชิงรุกด้านการปราบปรามโรงงานอุตสาหกรรมผิดกฎหมายที่มักจะเข้าถึงยากและซับซ้อน
สมาชิกของทีมประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ทั้ง นักสืบเอกชน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย นักวิเคราะห์ข้อมูล และอดีตเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการตรวจค้น ที่ถูกดึงตัวมาทำงานร่วมกันด้วยอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นในการจัดการกับปัญหาโรงงานจีนเทา ซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล
นายเอกนัฏ เคยกล่าวไว้ว่า ประเทศไทยต้องเปลี่ยนจากการ “ตั้งรับ” สู่การ “บิน” เพื่อคว้าโอกาสท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก โดยต้องจัดการกับ 'สินค้าด้อยคุณภาพ' และ 'อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ' ที่ไม่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนไทย และสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างผลงาน ทำจริง-เห็นผลจริง
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผลงานของทีมสุดซอยนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สังคมและสื่อมวลชนเป็นอย่างดี ภารกิจหลักของพวกเขาคือการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสืบสวนและเข้าตรวจค้นโรงงานที่ลักลอบผลิตสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล
- ปฏิบัติการรหัสลับ 'โรงงานนรก'
ทีมสุดซอยใช้เวลาหลายเดือนในการสืบสวนจนสามารถเข้าตรวจค้นโรงงานผลิตสินค้าปลอมแปลงและโรงงานผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรม และยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น
19 ก.พ. 2568 – ได้สั่งตรวจ บริษัท ชลบุรี สเปเชียล สตีล กรุ๊ป จำกัด พร้อมยึดเหล็กเส้น 229,600 เส้น มูลค่า 22.9 ล้านบาท และดำเนินคดีฐานผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐาน
24 เม.ย. 2568 – ตรวจ บริษัท เชาว์ สตีล ปราจีนบุรี พบเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐาน 7,433 ตัน มูลค่า 148.67 ล้านบาท เจ้าหน้าที่อายัดทั้งหมดและสั่งปิดสายการผลิต
2 พ.ค. 2568 – ลงตรวจ 2 โรงงานเหล็กในปราจีนบุรี ได้แก่ “ไทยซิง-หยงชิง” อายัดเศษเหล็กนำเข้าปนเปื้อน และเอาผิดฐานลอบประกอบกิจการและใช้เครื่องจักรไม่ตรงที่ขออนุญาต
และ 10 พ.ค. 2568 – บุกโรงงาน BNS Steel ในนิคมอุตสาหกรรมเมืองชลบุรี ซึ่งไม่ได้จดประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2562 พบลักลอบผลิตเหล็กด้วยเตาหลอม IF และดำเนินคดี 5 ข้อหาหนัก โทษรวมจำคุก 10 ปี
- โปรเจกต์ 'ผ่าขุมทรัพย์'
การแกะรอยเครือข่ายธุรกิจที่ซับซ้อนของกลุ่มทุนจีนเทาที่เชื่อมโยงกับการฟอกเงิน ซึ่งนำไปสู่การขยายผลและยึดทรัพย์สินมูลค่าหลายร้อยล้านบาทในที่สุด
11 มี.ค. 2568 – นำหมายศาลเข้าตรวจ บริษัท ซินเคอหยวน (SKY) ร่วมกับ DSI และตำรวจสอบสวนกลาง หลังพบเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าฝุ่นแดง มีมูลค่าการเงินเกิน 111.8 ล้านบาท
28 เม.ย. 2568 – "เอกนัฏ" ย้ำการปิด ซินเคอหยวน ถาวร พร้อมเปิดเผยความคืบหน้าเรื่องการยกเลิกมาตรฐานเหล็กเส้นจากเตาอินดักชั่น (IF) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2–3 เดือนในการยกเลิก มอก. เหล็ก IF
- ภารกิจ 'กวาดล้างขยะอิเล็กทรอนิกส์'
ทีมสุดซอยเป็นผู้ที่เปิดโปงขบวนการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมายจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
21 พ.ค. 2568 – บุกตรวจบริษัทในเขตปลอดอากร (Free Zone) ตามเบาะแสจากขบวนการ “ศูนย์เหรียญ” พบการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 118 ตัน และสั่งส่งกลับประเทศต้นทางภายใน 30 วัน
5 มิ.ย. 2568 – ตรวจสอบบริษัท พี.ซี. วู๊ด จำกัด ที่เตรียมนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 222 ตู้ จากสหรัฐอเมริกาจึงสั่งปิดกิจการชั่วคราว
- การจัดการกับขยะพิษ
นอกจากขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ทีมสุดซอยยังเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่ลักลอบนำเข้าและฝังกลบกากอุตสาหกรรมอันตรายในพื้นที่ต่างๆ เช่น จังหวัดปราจีนบุรี และระยอง
6 มิ.ย. 2568 – พบโกดังเก็บ สารเคมีอันตรายหลายพันตัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยถือเป็นเครือข่ายขยะอันตรายที่ทำการฝังกลบแบบผิดกฎหมาย
18 มิ.ย. 2568 – ทีมทลาย “อาณาจักรรีไซเคิลศูนย์เหรียญ” ที่ปราจีนบุรี พบขยะพิษและวัตถุอันตรายกว่า 8,000
- การทลายโกดังสินค้าปลอมแปลง
มีการเข้าตรวจค้นโกดังสินค้าที่ลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่มี มอก. มาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอะแดปเตอร์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
9 ส.ค. 2568 – บุกโกดังย่านบางขุนเทียน ตรวจพบเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ผ่าน มอก. จำนวน 42,263 ชิ้น มูลค่ากว่า 4.7 ล้านบาท
23 ส.ค. 2568 – ทลายคลังสินค้าดัมพ์ตลาดออนไลน์ ยึดสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานกว่า 13.6 ล้านบาท และเตรียมส่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ
การยุติบทบาท ‘ทีมสุดซอย’ จึงกลายเป็นประเด็นที่น่าจับตามองว่า นโยบายการปราบปรามโรงงานผิดกฎหมายและกลุ่มทุนสีเทาจากรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นอย่างไรต่อไป และจะมีความต่อเนื่องจากสิ่งที่ทีมสุดซอยเคยทำไว้หรือไม่






