'ไข่เจียวปู' 1 จาน ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ มากกว่าเปิดแอร์ 3 ชั่วโมง?

'ไข่เจียวปู' 1 จาน ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ มากกว่าเปิดแอร์ 3 ชั่วโมง?

ไข่เจียวปู 1 จาน ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ประมาณ 2.68 kgCO2e โดย 95% มาจากวัตถุดิบหลัก เช่น ไข่ไก่ เนื้อปู และน้ำมันพืช

KEY

POINTS

  • ไข่เจียวปู 1 จาน ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ประมาณ 2.68 kgCO2e โดย 95% มาจากวัตถุดิบหลัก เช่น ไข่ไก่ เนื้อปู และน้ำมันพืช
  • การกินไข่เจียวปู 1 จาน เทียบเท่ากับการปล่อยคาร์บอนจากการเปิดเครื่องปรับอากาศ (9000 BTU) นานประมาณ 4 ชั่วโมง
  • อาหารที่มาจากพืช เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่าอาหารที่มาจากสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ใหญ่อย่างเนื้อวัว

เมื่อพูดถึง “ไข่เจียวปู” ภาพในหัวของหลายคนน่าจะนึกถึงความหอมกรุ่นจากกระทะ ความกรอบนอกนุ่มในที่ลงตัว และรสชาติที่ชวนให้ลืมแคลอรีไปชั่วขณะ แต่เบื้องหลังจานอร่อยนี้ ยังมีร่องรอยของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซ่อนอยู่ มากกว่าที่เราคิด

การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือปริมาณรวมของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมหนึ่งๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตวัตถุดิบ การขนส่ง หรือขั้นตอนการปรุงอาหาร ล้วนเผยให้เห็นว่า “ไข่เจียวปู” ไม่ได้เป็นเพียงเมนูโปรดของใครหลายคน แต่ยังเป็นตัวอย่างที่สะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างอาหารบนจานกับวิกฤติภูมิอากาศที่เรากำลังเผชิญ

การได้มาของวัตถุดิบ+ขั้นตอนการปรุง

  • ไข่ไก่เบอร์ 0 จำนวน 4 ฟอง → ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ~ 1.20 kgCO2e
  • เนื้อปู 50 กรัม → ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ~ 0.2324 kgCO2e
  • น้ำมันพืช 1 ลิตร → ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ~ 1.1085 kgCO2e
  • ใช้เตาแก๊ส LPG ประมาณ 8 นาที → ~ 0.1271 kgCO2e
  • เปิดพัดลมช่วยระบายควัน 15 นาที → ~ 0.006 kgCO2e
  • เปิดไฟส่องสว่าง 9 วัตต์ ระหว่างทำอาหาร → ~ 0.0013 kgCO2e

เมื่อนำมารวมกัน จะพบว่าวัตถุดิบหลักทั้งสาม คิดเป็นการปล่อยก๊าซถึง 2.5409 kgCO2e หรือราว 95% ของทั้งหมด ส่วนกระบวนการปรุง แม้ใช้พลังงานไม่มาก แต่ก็เพิ่มมาอีก 0.1359 kgCO2e (5%) ดังนั้น คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของไข่เจียวปู 1 จาน จะอยู่ที่ประมาณ 2.68 kgCO2 (อ้างอิง: thaicarbonlabel.tgo.or.th)

ถ้าใส่เนื้อปูเยอะเป็นพิเศษ คาร์บอนฟุตพริ้นท์จะพุ่งขึ้น

เทียบกับการเปิดแอร์

'กรุงเทพธุรกิจ' ลองคำนวณอย่างเป็นขั้นตอน เมื่อรู้แล้วว่า ไข่เจียวปู 1 จาน = 2.68 kgCO2e แล้วการใช้แอร์ปล่อยคาร์บอนเท่าไหร่?

  • โดยเฉลี่ยแอร์ขนาด 9000 BTU (เหมาะกับห้องนอนเล็ก) กำลังไฟประมาณ 0.8–1 kW/ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับรุ่น, อายุเครื่อง, และอุณหภูมิที่ตั้งไว้)
  • ค่าไฟฟ้าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของไทย (Emission Factor) ประมาณ 0.56–0.6 kgCO2e/kWh
  • สมมติเลือก 1 kWh = 0.6 kgCO2e เพื่อให้เข้าใจง่าย ดังนั้น ถ้าเปิดแอร์ 1 ชั่วโมง = 0.6 kgCO2e
  • เมื่อเอาเทียบกับไข่เจียวปู 1 จาน (2.68 kgCO2e) = 2.68÷0.6≈4.47

คำตอบคือ ไข่เจียวปู 1 จาน ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์เท่ากับการเปิดแอร์ประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง (ในห้องเล็กใช้แอร์ 9000 BTU)

อาหารท้องถิ่น-ผัก-ผลไม้ คาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อย

ถ้ามองเรื่อง คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของอาหาร จริงๆ แต่ละเมนูมีตัวเลขต่างกันไปขึ้นกับวัตถุดิบ วิธีผลิต และการขนส่ง โดยหลักการคือ อาหารที่มาจากพืชจะปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าอาหารที่มาจากสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น วัว แกะ

ตัวอย่างอาหารที่คาร์บอนฟุตพริ้นท์ “น้อย”

  • ผัก ผลไม้สด (เช่น ผักใบเขียว แตงกวา แอปเปิ้ล) → ต่ำสุด เฉลี่ย ~0.1–0.5 kgCO₂e ต่อกิโลกรัม
  • ธัญพืชและถั่วเมล็ดแห้ง (เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง ถั่วเขียว) → ประมาณ 0.5–2 kgCO₂e/กก.
  • มันสำปะหลัง มันฝรั่ง เผือก → พลังงานสูงแต่ปล่อยคาร์บอนต่ำ
  • อาหารท้องถิ่น/ปลูกใกล้บ้าน → เพราะไม่ต้องขนส่งไกล

ตัวอย่างอาหารที่คาร์บอนฟุตพริ้นท์ “สูง”

  • เนื้อวัว: 27–60 kgCO₂e/กก.
  • เนื้อแกะ: ~24 kgCO₂e/กก.
  • เนื้อหมู/ไก่: 6–12 kgCO₂e/กก.
  • ชีส/ผลิตภัณฑ์นมบางชนิด: 10–20 kgCO₂e/กก.

ดังนั้น ถ้าถามว่าอาหารอะไรคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยที่สุด คำตอบคือ ผัก ผลไม้ ธัญพืช และหัวมันต่างๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นของที่ ผลิตในท้องถิ่นและตามฤดูกาล จะยิ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มาก

การกระทำเล็กๆ ของแต่ละคนเร่งวิกฤติโลกร้อน

คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันคือเครื่องมือที่ทำให้เราเห็นชัดว่าทุกกิจกรรมของมนุษย์ ตั้งแต่การกินอาหาร การเดินทาง ไปจนถึงการใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน ล้วนมีส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ

การรับรู้ตัวเลขนี้ช่วยเปิดมุมมองให้เข้าใจว่า การกระทำเล็กๆ ของแต่ละคนเมื่อรวมกันเป็นสังคมทั้งโลก สามารถเร่งหรือชะลอวิกฤติโลกร้อนได้โดยตรง ดังนั้น คาร์บอนฟุตพริ้นท์จึงไม่ใช่เพียงข้อมูลทางวิชาการ แต่คือเข็มทิศที่บอกทางให้เราเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

แอป Net Zero Man คำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์

ปัจจุบัน องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) มี แอปพลิเคชัน “Net Zero Man” ช่วยให้ประชาชนคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตัวเอง ทั้งจากการกิน การเดินทาง หรือการใช้พลังงานในบ้าน พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีลดการปล่อยอย่างเป็นรูปธรรม

ไม่ได้ใช่กระแส แต่คือวัฒนธรรมการใช้ชีวิต

ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” กลายเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดนโยบายและพฤติกรรมของสังคม พวกเขาให้ความสำคัญกับการวัดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกิจกรรมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตอาหาร การเดินทาง การใช้พลังงาน หรือแม้กระทั่งการบริโภคสินค้าในชีวิตประจำวัน ภาครัฐมีกฎหมายและมาตรการจูงใจเพื่อผลักดันธุรกิจให้ลดการปล่อยคาร์บอน

ขณะที่ภาคเอกชนแข่งขันกันนำเสนอนวัตกรรมสีเขียวเพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่วนประชาชนทั่วไปก็ถูกปลูกฝังให้คำนึงถึงคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในทุกการเลือก เช่น การใช้ถุงผ้า การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ หรือการเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การใส่ใจต่อคาร์บอนฟุตพริ้นท์ไม่ได้เป็นเพียงกระแส แต่คือวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่ผสานอยู่ในทุกมิติของสังคมที่พัฒนาแล้ว