'ป่าแม่ตื่น' แหล่งไม้สักไทย ผลิดอกเหลืองสะพรั่ง ท่ามกลางแก๊งตัดไม้คุกคาม

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ซึ่งเป็นแหล่งป่าสักธรรมชาติที่สำคัญของไทย กำลังผลิดอกสีเหลืองสวยงาม แต่กลับเผชิญปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างรุนแรง
KEY
POINTS
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ซึ่งเป็นแหล่งป่าสักธรรมชาติที่สำคัญของไทย กำลังผลิดอกสีเหลืองสวยงาม แต่กลับเผชิญปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างรุนแรง
- ขบวนการตัดไม้ในพื้นที่มีการกระทำที่อุกอาจ ทั้งลักลอบตัดโค่นไม้สักจำนวนมาก และบุกยิงสำนักงานพิทักษ์ป่าเพื่อข่มขู่เจ้าหน้าที่
- กรมอุทยานแห่งชาติฯ สั่งการให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด พร้อมออกมาตรการป้องกันหลายด้าน เช่น การตั้งจุดสกัด และการจัดระเบียบชุมชน
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ปรากฏภาพผืนป่าต้นสักที่กำลังผลิดอกสีเหลืองอ่อนอย่างงดงามในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น จังหวัดตาก บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีความสำคัญยิ่งต่อระบบนิเวศและความมั่นคงทางน้ำของประเทศ
นอกจากนั้น ผืนป่าตอนบนของเขื่อนภูมิพลมีพื้นที่รวมกว่า 3 ล้านไร่ ครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และตาก ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น เขตห้ามล่าสัตว์ป่าฮอด และเขตห้ามล่าสัตว์ป่านันทบุรี โดยเฉพาะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น มีพื้นที่กว่า 733,125 ไร่ เป็นป่าสักธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุดผืนหนึ่งของประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นแหล่งต้นน้ำชั้นสำคัญของลุ่มน้ำปิงตอนบน
อย่างไรก็ตาม ป่าแม่ตื่นยังคงเผชิญความท้าทายจากการลักลอบตัดไม้สัก มีเบาะแสที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้การกำกับของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเกี่ยวกับการกระทำผิดของขบวนการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น มีไม้สักถูกกานและตัดโค่นอย่างเห็นได้ชัด สร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่
ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ก็ตรวจพบการบุกรุกพื้นที่กว่า 6 ไร่ แต่ผู้กระทำผิดสามารถหลบหนีไปได้ และวันที่ 6 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดไม้แปรรูปสักกว่า 11 แผ่น จากการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่เดียวกัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐกว่า 60,000 บาท
นอกจากนั้น มีเหตุการณ์อุกอาจเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มีการบุกยิงสำนักงานหน่วยพิทักษ์ป่าพะละดอ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการทำลายทรัพยากรของชาติ แต่ยังเป็นการคุกคามและข่มขู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยตรง
เหตุการณ์ลักลอบตัดไม้สักเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 และมาตรา 48 รวมถึงพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55(5) ซึ่งมีโทษสูงสุดทั้งจำคุกและปรับ หลังการตรวจยึด เจ้าหน้าที่ได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่นเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยเร็วที่สุด โดยเน้นย้ำว่าจะต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดและไม่ยอมให้มีการกระทำผิดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว นายอรรถพลได้มอบนโยบายและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ดำเนินการ ดังนี้
1. การจัดตั้งจุดสกัดในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการลักลอบตัดไม้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจตราและสกัดกั้นขบวนการทำผิดได้ตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่ไม้ที่ถูกลักลอบตัดจะถูกลำเลียงออกจากพื้นที่ป่า
2. จัดระเบียบชุมชนในการเก็บหาของป่า เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในการจัดระเบียบการเก็บหาของป่าอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ได้โดยไม่ทำลายธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบร่วมกันในการดูแลรักษาป่า
3. ส่งเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานร่วมกับด่านความมั่นคงของฝ่ายปกครอง เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังพลและขีดความสามารถในการตรวจสอบรถยนต์หรือยานพาหนะต้องสงสัยที่อาจใช้เป็นช่องทางในการลักลอบขนไม้ได้
4. ให้ผู้บังคับบัญชาดูแลสอดส่องการปฏิบัติงานของลูกน้องอย่างใกล้ชิด ตลอดจนใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ อันจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่ในการทำงานได้
ภาพโดย : อรรถพล เจริญชันษา







