พายุ 3 ลูกถล่มไทย ดร.เสรี ไขข้อสงสัย ปลายปีนี้ น้ำท่วมใหญ่ เหมือน 2554 หรือไม่

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คาดการณ์สภาพอากาศ ปลายปี 2568 ว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 หรือไม่ โดยจะมีแนวโน้มเกิดปรากฏการณ์ลานีญาระดับอ่อน และมีสัญญาณของสภาพอากาศแปรปรวนที่อาจเกิดถี่ และรุนแรงขึ้น
KEY
POINTS
- ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คาดการณ์ว่า ปลายปี 2568 จะไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 แม้จะมีแนวโน้มเกิดปรากฏการณ์ลานีญาระดับอ่อนก็ตาม
- ในช่วงที่ผ่านมาไทยเผชิญพายุ 3 ลูกติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณของสภาพอากาศแปรปรวนที่อาจเกิดถี่ และรุนแรงขึ้นในอนาคต
- สถานการณ์ที่น่ากังวลกว่า คือ ปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบายในพื้นที่ชุมชนเมือง และเกษตรกรรม ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักในระยะสั้น
- ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้เกิดจากพายุเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากปัจจัยด้านการจัดการพื้นที่ ผังเมือง และระบบระบายน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพ
สภาพอากาศในช่วงปลายปี 2568 กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ประเทศไทยจะเผชิญน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 หรือไม่ ท่ามกลางความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น หากทุกภาคส่วนยังไม่ปรับตัว และไม่เปลี่ยนแปลง อนาคตย่อมเผชิญความลำบากในการรับมือภัยธรรมชาติที่ซับซ้อนมากขึ้น
ในช่วงเดือนเศษที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญพายุถึง 3 ลูกติดต่อกัน สร้างบรรยากาศร้อนอบอ้าว และฝนตกหนักต่อเนื่อง เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติที่เกิดจากอุณหภูมิแผ่นดิน และทะเลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ความรุนแรง และทิศทางของพายุมีความแตกต่าง และคาดเดายากขึ้น โดย "พายุวิภา” ให้ปริมาณฝนสะสม รวมทั้งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสูงสุด (ประมาณ 300-400 มม.)
อากาศแปรปรวน ถี่ขึ้น-แรงขึ้น ในอนาคต
“รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์” ผู้อำนวยการศูนย์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้เชี่ยวชาญของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ที่ได้ทำการประเมินสภาพภูมิอากาศตามรายงานฉบับที่ 6 (AR6) เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้จะเกิดถี่ และแรงขึ้นในอนาคต จำนวนพายุโดยเฉลี่ยต่อปีราว 25 ลูก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สิ่งที่แตกต่างคือระดับความรุนแรง พายุโซนร้อนอาจทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่น และไต้ฝุ่นบางลูกอาจพัฒนาเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่มีฝนตกหนัก และลมแรงรุนแรงกว่าเดิม
ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังคงมีพายุเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกอีกประมาณ 12 ลูก แม้จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่
เสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“รศ.ดร.เสรี” กล่าวด้วยว่า ปัญหาน้ำท่วม น้ำไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ไม่ได้เกิดจากพายุ และฝนหนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากปัจจัยด้านการจัดการพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ที่ดิน ผังเมือง ถนน ผนังกั้นน้ำ และระบบระบายน้ำ
ซึ่งแต่ละชุมชนมีศักยภาพในการรับมือแตกต่างกัน บางพื้นที่ยังไม่ตระหนักถึงข้อจำกัดของตนเอง แม้จะมีการคาดการณ์ล่วงหน้าจากหน่วยงานกลาง และมีระบบเตือนภัยผ่านศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เช่น การแจ้งเตือนทาง Cell Broadcast แต่ความเสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สินก็ยังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดังนั้น การประเมินความเสี่ยง และการปรับตัวทั้งเชิงโครงสร้าง และไม่ใช้โครงสร้าง ถือเป็นภารกิจสำคัญ และเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความสูญเสียในอนาคต
น้ำท่วมรอการระบาย
สำหรับการพยากรณ์อากาศระยะสั้น “รศ.ดร.เสรี” ระบุว่า ช่วงเดือนกันยายน ถึงกลางเดือนตุลาคมปี 2568 นี้ ประเทศไทยจะยังเผชิญอากาศร้อนอบอ้าวในช่วงบ่าย ปริมาณฝนยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงสัปดาห์แรก ก่อนจะค่อยๆ ลดลงตามลำดับ
“ต้องจับตาความเป็นไปได้ของพายุจรที่จะก่อตัวตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน แม้ปรากฏการณ์ ‘ลานีญา’ ระดับอ่อนมีแนวโน้มเกิดขึ้นช่วงปลายปี แต่คาดว่าฝนที่ตกเพิ่มจะไม่รุนแรงจนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 สถานการณ์น้ำท่วมที่น่ากังวลมากกว่าคือ ‘น้ำท่วมรอการระบาย’ ทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนเมือง
ปีหน้าเตรียมรับมือ “เอลนีโญ”
สำหรับภาคใต้ หลายแบบจำลองคาดการณ์ว่าจะไม่เกิดอุทกภัยรุนแรงเท่ากับปี 2567 เว้นแต่ว่าจะมีพายุจรเข้ามาโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากต่อการคาดการณ์ล่วงหน้านานเกินไป และจำเป็นต้องติดตามการพยากรณ์ระยะสั้นอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในปีหน้า สภาพอากาศโลกอาจเปลี่ยนเข้าสู่ปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ซึ่งจะส่งผลต่อฝน และอุณหภูมิของประเทศไทยในทิศทางที่แตกต่างออกไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







