รำลึก 35 ปี 'สืบ นาคะเสถียร' นักอนุรักษ์ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าไทย

รำลึก 35 ปี 'สืบ นาคะเสถียร' นักอนุรักษ์ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าไทย

สืบ นาคะเสถียร เป็นนักอนุรักษ์คนสำคัญ มีบทบาทในการปกป้องผืนป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และผลักดันจนได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ

KEY

POINTS

  • สืบ นาคะเสถียร เป็นนักอนุรักษ์คนสำคัญ มีบทบาทในการปกป้องผืนป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และผลักดันจนได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
  • เขาได้สละชีวิตตนเองในปี 2533 เพื่อประท้วงการลักลอบล่าสัตว์ และการทำลายป่า ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์
  • เจตนารมณ์ของเขายังคงได้รับการสืบสานผ่านมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ส่งผลให้การอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทยพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

“สืบ นาคะเสถียร” (พ.ศ.2492–2533) เป็นนักอนุรักษ์ และผู้พิทักษ์ป่าชื่อดังของไทยที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องผืนป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และสัตว์ป่าหายากหลายชนิด โดยเฉพาะเสือโคร่ง เขาเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่องการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและป่าต้นน้ำ ในประเทศไทย

"สืบ" ทุ่มเทชีวิตให้กับการอนุรักษ์ผืนป่า และสัตว์ป่าอย่างมาก โดยเขาทำงานในสายสิ่งแวดล้อมมาตลอด เช่น การเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ ในกรมป่าไม้ และได้รับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

จนถึงขั้นสละชีวิตของตนเองในปี 2533 เพื่อประท้วงการลักลอบล่าสัตว์ป่า และการทำลายป่า ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ นอกจากนั้น เขาไม่ได้สนใจเพียงข้อมูลด้านธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังใส่ใจถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และชาวกะเหรี่ยง สนใจวิถีชีวิต และแนวทางการรักษาป่าของชาวบ้านด้วย

ผลงาน และเจตนารมณ์ของเขายังคงถูกสืบสานผ่านมูลนิธิสืบนาคะเสถียร, การอนุรักษ์ผืนป่า, การฝึกอบรมผู้พิทักษ์ป่า และการสร้างเครือข่ายชุมชนที่ใกล้ชิดป่า เช่น เครือข่ายครอบครัวห้วยขาแข้ง ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของการรักษ์ธรรมชาติและแรงบันดาลใจของนักอนุรักษ์รุ่นใหม่

ในท่อนหนึ่งของหนังสือ "ตะโกนก้องจากพงไพร" มีคำกล่าวของ "สืบ" ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และตั้งใจ โดยระบุว่า

ผมคิดว่า ชีวิตผมทำได้ดีที่สุดแล้วเท่าที่ผมมีชีวิตอยู่ ผมคิดว่า ผมได้ช่วยเหลือสังคมดีแล้ว ผมคิดว่า ผมได้ทำตามกำลังของผมแล้ว และผมพอใจ ผมภูมิใจสิ่งที่ผมทำ...

รำลึก 35 ปี 'สืบ นาคะเสถียร' นักอนุรักษ์ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าไทย

หนึ่งเปรี้ยงลั่น สะท้านป่า

ตามข้อมูลที่มีการบันทึกไว้ ประมาณตีสี่ของวันที่ 1 กันยายน 2533 ขณะ "สืบ" อยู่ในห้วยขาแข้ง มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด แต่ไม่ได้ถูกใส่ใจ เพราะในผืนป่าแห่งนั้นในอดีตมีเสียงปืนเป็นเรื่องคุ้นเคย จนถึงประมาณสิบโมงเช้า เจ้าหน้าที่เริ่มสังเกตว่าหัวหน้าสืบยังไม่ลงมารับประทานอาหาร เมื่อไขกุญแจบ้าน และเข้าไป พบร่างหัวหน้า "สืบ" นอนอยู่บนเตียงไร้ลมหายใจ พร้อมแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความทิ้งไว้ว่า...

“ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องในกรณีนี้ทั้งสิ้น” ลงชื่อ สืบ นาคะเสถียร ผู้ตาย (วันที่ 31 สิงหาคม 2533)

รำลึก 35 ปี 'สืบ นาคะเสถียร' นักอนุรักษ์ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าไทย

หลายคนคาดเดาเหตุผลว่า ด้วยความที่ต้องรับแรงกดดันหลายๆ ด้าน และเพื่อเป็นการเรียกร้องต่อหน่วยงานภาครัฐให้ใส่ใจต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง "สืบ" จึงตัดสินใจประท้วงด้วยการฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืนในบ้านพักของตนเองที่ห้วยขาแข้ง

หลังจากนั้นมีหนึ่งบทกวีโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา ที่เป็นที่พูดถึง เพราะสะท้อนเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี คือ

หนึ่งเปรี้ยงปืนลั่น สะท้านป่า
หนึ่งวูบไหวผวา ทั้งป่าลั่น
หนึ่งคืนนานยาว ราวกัปกัลป์
หนึ่งฝันฟุบแล้ว ลับแนวไพร

หนึ่งคนควรค่า คารวะ
สืบสร้างสัจจะ ยิ่งใหญ่
หมื่นคำร่ำหา อาลัย
รวมใจสืบทอด เจตนา

อย่างไรก็ตาม เจตนารมณ์ของ "สืบ" ในการรักษาผืนป่า และสัตว์ป่ายังคงถูกสืบสานอย่างต่อเนื่อง ผืนป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ยังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นบ้านของสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ให้มีชีวิตอย่างสันติสุข

รำลึก 35 ปี 'สืบ นาคะเสถียร' นักอนุรักษ์ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าไทย

ไทม์ไลน์เกี่ยวกับ "สืบ นาคะเสถียร" และผลงานสำคัญ

  • 31 ธันวาคม พ.ศ.2492 – เกิดที่ตำบลท่างา อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นลูกของนายสลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร มีพี่น้องทั้งหมดสามคน
  • พ.ศ.2518 - สอบเข้ากรมป่าไม้ได้ แต่เลือกที่จะมาทำงานที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่าโดยไปประจำที่เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า เขาเขียว - เขาชมพู่ จังหวัดชลบุรี
  • พ.ศ.2530 - ประท้วงการสร้างเขื่อนน้ำโจน
  • ทำรายงานทางวิชาการเรื่อง ‘การประเมินผลงานช่วยเหลือสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน’ มีบทบาทสำคัญในการยุติการก่อสร้างเขื่อนน้ำโจนได้สำเร็จ เนื่องจากเป็นการศึกษาผลกระทบของการสร้างเขื่อนครั้งแรกในประเทศไทย
  • พ.ศ.2515 - เริ่มทำงานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
  • พ.ศ.2520 - มีบทบาทสำคัญในการสำรวจ และศึกษาผืนป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง
  • พ.ศ.2525 - ร่วมเสนอแนวทางจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และป่าต้นน้ำในประเทศไทย
  • ตุลาคม พ.ศ.2531 - ประท้วงในจังหวัดอุทัยธานี เรียกร้องไม่ให้กรมป่าไม้ให้สัมปทานบริษัทไม้อัด เพื่อตัดไม้ออกมาจำหน่าย สำเร็จ
  • ธันวาคม พ.ศ.2532 - รับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
  • ผลักดันให้ผืนป่าห้วยขาแข้งได้รับการประกาศเป็น "มรดกโลก" ทางธรรมชาติร่วมกับป่าทุ่งใหญ่นเรศวรซึ่งมีพื้นที่ติดกัน รวมพื้นที่ 11.7 ล้านไร่ สำเร็จ เพื่อปกป้องการตัดไม้ทำลายป่า
  • 1 กันยายน พ.ศ.2533 - เสียชีวิตในผืนป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง เพื่อประท้วงการลักลอบล่าสัตว์ป่า และทำลายป่า
  • หลัง พ.ศ.2533 – เจตนารมณ์ของเขาส่งผลให้เกิดการตั้ง มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และพัฒนาการอนุรักษ์ผืนป่าและสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่อง เช่น การฟื้นฟูประชากรเสือโคร่ง และสัตว์ป่าหายาก

สืบสานเจตนารมณ์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้พิทักษ์ป่าได้รับการพัฒนา และฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการปกป้องผืนป่า ทั้งในด้านการเฝ้าระวัง การจัดการไฟป่า และการป้องกันการลักลอบตัดไม้หรือล่าสัตว์ป่า ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพ และขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การทำงานแนวหน้ามีความยั่งยืน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัจจุบัน ผืนป่าอนุรักษ์ของประเทศไทยที่ "สืบ" เสนอให้มีพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ ได้ขยายพื้นที่จนเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจในการผนวกรวมพื้นที่ป่าเป็นป่าอนุรักษ์ และในทุกๆ ปี ได้มีการติดตามสถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบถึงสภาพปัจจุบันของผืนป่าในประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทยยังมีความพยายามที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของประเทศ

สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ ยืนยันผลงานวิจัยว่าป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง มีประชากรเสือโคร่งมากขึ้น ทำให้เห็นว่าการทุ่มเทรักษาป่าที่ผ่านมาได้ผล หากมีเสือมากขึ้นสืบขยายพันธุ์แบบนี้ ก็หมายถึงเหยื่อของเสือ และพืชพรรณต่างๆ ก็สมบูรณ์ ตอนนี้ป่าแห่งนี้กลายเป็นความหวัง และตัวอย่างของการอนุรักษ์เสือโคร่งของโลกไปแล้ว รวมถึงการฟื้นฟูประชากรแร้งที่หายไปจากป่าห้วยขาแข้งนานกว่าสามทศวรรษ

ชุมชนใกล้เคียงผืนป่าเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยเกือบทุกหมู่บ้านมีป่าชุมชนของตัวเอง และเข้าร่วมเครือข่ายครอบครัวห้วยขาแข้ง ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ผืนป่า การมีส่วนร่วมของชุมชนช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจ และความตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติ

รำลึก 35 ปี 'สืบ นาคะเสถียร' นักอนุรักษ์ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าไทย

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์