อากาศร้อนรุนแรงทำ ‘ข้าวโพดฟันหลอ’ พืชเกิดความเครียด เกษตรกรเซ็งผลผลิตลดลง

อากาศร้อนรุนแรงทำ ‘ข้าวโพดฟันหลอ’ พืชเกิดความเครียด เกษตรกรเซ็งผลผลิตลดลง

อากาศร้อนรุนแรง ทำข้าวโพดฟันหลอ พืชเกิดความเครียด รวมถึงพืชอาหาร เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี มันสำปะหลัง เกษตรกรเซ็งผลผลิตลดลง หวั่นสินค้าขาดตลาด

KEY

POINTS

  • สภาพอากาศร้อนรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ต้นข้าวโพดเกิดความเครียดและส่งผลกระทบต่อการผสมเกสร จนเกิดภาวะ "ข้าวโพดฟันหลอ" หรือมีเมล็ดไม่เต็มฝัก
  • ความร้อนจัดทำให้ช่อดอกตัวผู้ปล่อยละอองเรณูได้น้อยลง หรือทำให้เกสรทำงานได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้ผลผลิตของเกษตรกรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อผลผลิตพืชผลหลักทั่วโลกในอนาคต ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ทำให้สภาพดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิช่วงกลางคืนในฤดูร้อนที่สูงอย่างต่อเนื่อง ภัยแล้ง และฝนตกหนักกว่าปกติในเวลาที่ไม่เหมาะสม ล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อการผสมเกสรของพืช โดยเฉพาะ “ข้าวโพด” ที่สภาพอากาศแปรปรวนอย่างมากในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว จนข้าวโพดที่เก็บได้ส่วนใหญ่ในสหรัฐ “ฟันหลอ” มีเมล็ดไม่เต็มฝัก

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ ทำให้ในปี 2025 สหรัฐเจอคลื่นความร้อนรุนแรงหลายครั้ง และอุณหภูมิในช่วงกลางคืนร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1970 ตามข้อมูลของ Climate Central กลุ่มนักวิทยาศาสตร์อิสระที่เผยแพร่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศแก่สาธารณชน

มาร์ค ลิชท์ รองศาสตราจารย์ด้านเกษตรศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการปลูกพืชแบบขยายพันธุ์ที่มหาวิทยาลัยไอโอวาสเตต อธิบายว่า เมื่อต้นข้าวโพดเจริญเติบโต ใบจะคลี่ออกเผยให้เห็นช่อดอกตัวผู้ ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยละอองเรณู แต่อากาศร้อนจัดอย่างต่อเนื่องจะทำให้ต้นข้าวโพดเติบโตเร็วเกินไป จนช่อดอกตัวผู้อาจถูกใบพันแน่นเกินไป จนละอองเรณูจะถูกปล่อยออกมาน้อยลง สุดท้ายแล้วข้าวโพดที่ได้ก็จะมีเมล็ดไม่เต็มฝัก

รายงานการค้าสินค้าเกษตรบางฉบับระบุว่า ในช่วงฤดูเพาะปลูกพบปัญหาใบพันช่อดอกตัวผู้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่บางส่วนของแถบมิดเวสต์ ทั้งที่ลิชท์กล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่เขาทำงานเป็นนักเกษตรศาสตร์ เคยพบเหตุการณ์นี้เพียงแค่ครั้งเดียว

นอกจากนี้ อุณหภูมิสูงขึ้นอาจทำให้เกิดความเครียดในข้าวโพดในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ลดการผลิตละอองเรณู เกสรทำงานได้น้อยลง ต้นพืชแห้งเหี่ยว หรือฝักข้าวโพดเล็กลง แต่ในบางครั้งที่ฝนตกชุกเกินไปก็ทำให้เกิดปัญหาการผสมเกสรได้เช่นกัน เพราะความชื้นที่มากเกินไปอาจทำให้เกิด “โรคข้าวโพดขี้หูด” โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา Ustilago maydis ทำให้เกิดปมสีดำคล้ายผงบนส่วนต่าง ๆ ของต้นข้าวโพด เช่น ลำต้น ใบ และฝักข้าวโพด ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อสปอร์ของเชื้อรา

ระดับความชื้นที่สูงขึ้นและอุณหภูมิของมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น ส่งผลให้กลางคืนมีอากาศร้อนขึ้น อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต ส่งผลให้พืชผล เช่น ข้าวโพดและถั่วเหลืองเกิดความเครียด

สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีความเครียดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดู ที่เกษตรกรต้องประเมินว่าจะได้กำไรจากผลผลิตในปีนี้มากแค่ไหน และวางแผนขั้นตอนต่อไป แต่การผสมเกสรที่ไม่สม่ำเสมอก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะหากข้าวโพดทุกฝักเมล็ดหายไปประมาณ 15-25% นั่นอาจหมายถึงการสูญเสียผลผลิตอย่างมาก

เจสัน โคป เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีการเกษตรชื่อ PowerPollen ซึ่งมีอุปกรณ์ที่สามารถเก็บละอองเรณูโดยอัตโนมัติ แล้วจึงช่วยผสมเกสรพืชผลในอนาคต เขากล่าวว่าเนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรง ทำให้บริษัทได้งานช่วยผสมเกสรเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่านับตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2018

พืชผลหลักลดลงอย่างมาก 

อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพืชผลทางการเกษตรทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่น่าตกใจที่คาดการณ์ไว้สำหรับสหรัฐ ซึ่งผลผลิตพืชผลหลักอาจลดลงถึง 50% ภายในสิ้นศตวรรษนี้ ตามการวิเคราะห์ครั้งใหม่

โซโลมอน เซียง ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมโลก จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ดอร์ แห่งความยั่งยืน และทีมนักวิทยาศาสตร์ใช้เวลา 8 ปีในการวิเคราะห์พืชผล 6 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าว ข้าวสาลี มันสำปะหลัง และข้าวฟ่าง ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของประชากรโลกมากกว่าสองในสาม ในกว่า 12,000 ภูมิภาคใน 54 ประเทศ

พร้อมตรวจสอบว่าเกษตรกรมีวิธีปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร ตั้งแต่การเปลี่ยนพันธุ์พืชไปจนถึงการปรับเปลี่ยนระบบชลประทาน เพื่อคำนวณผลกระทบโดยรวมของภาวะโลกร้อน

ผลการวิจัยพบว่า ทุก ๆ องศาเซลเซียสที่เพิ่มสูงขึ้นจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม จะทำให้การผลิตอาหารทั่วโลกลดลงโดยเฉลี่ย 120 แคลอรีต่อคนต่อวัน นั่นหมายความว่าหากอุณหภูมิสูงขึ้น 3 องศาเซลเซียส ก็เหมือนกับทุกคนบนโลกงดอาหารเช้า 

สิ่งนี้จะผลักดันให้ราคาอาหารสูงขึ้นและทำให้ผู้คนเข้าถึงอาหารได้ยากขึ้น และมีแนวโน้มว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 3 องศาเซลเซียสภายในปี 2100

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า ข้าวสาลี ถั่วเหลือง และข้าวโพด ซึ่งเป็นพืชผลที่มีมูลค่าสูงสำหรับคนส่วนใหญ่ทั่วโลก จะได้รับผลกระทบอย่างหนักเป็นพิเศษ

หากมนุษย์ยังคงเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลในปริมาณมาก การผลิตข้าวโพดอาจลดลง 40% ในเขตพื้นที่เพาะปลูกของสหรัฐ จีนตะวันออก เอเชียกลาง แอฟริกาตอนใต้ และตะวันออกกลาง ขณะที่การผลิตข้าวสาลีอาจลดลง 40% ในสหรัฐ จีน รัสเซีย และแคนาดา ส่วนถั่วเหลืองที่ผลิตได้อาจลดลง 50% ในสหรัฐ มีเพียงข้าวเท่านั้นที่อาจไม่ได้รับผลกระทบนี้ โดยอาจได้รับประโยชน์จากอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้นในเวลากลางคืน

ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดบางประเทศมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด นั่นเป็นเพราะพื้นที่ยากจนของโลก ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศค่อนข้างรุนแรงอยู่แล้ว มีแนวโน้มที่จะปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบของวิกฤติสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า ทั้งนี้ระบบการเกษตรในแหล่งผลิตขนมปัง เช่น สหรัฐและบางส่วนของยุโรป ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่อบอุ่นในปัจจุบัน

ภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสหรัฐอเมริกาเป็นพิเศษ โดยคาดการณ์ว่าจะทำให้ผลผลิตของพืชผลหลักทุกชนิดลดลง 40% ถึง 50% ยกเว้นข้าว

“พื้นที่ในแถบมิดเวสต์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองในปัจจุบัน กำลังถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะโลกร้อนที่รุนแรงในอนาคต” แอนดรูว์ ฮัลท์เกรน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์เกษตรและผู้บริโภค มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญ ผู้เขียนงานวิจัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีรายได้น้อยก็ยังคงได้รับผลกระทบอยู่ดี พืชยังชีพอย่างมันสำปะหลังจะมีผลผลิตลดลงในแถบแอฟริกาใต้สะฮารา เนื่องจากโลกกำลังร้อนขึ้น ถือเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อโภชนาการของประชากรที่ยากจนที่สุดในโลกบางส่วน 

“เหตุผลหนึ่งที่ผู้คนปลูกมันสำปะหลังก็เพราะว่ามันค่อนข้างทนทานต่อภาวะแห้งแล้ง แต่เราพบว่ามันสำปะหลังยังคงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสภาพอากาศร้อนจัด” เซียงกล่าว

ท้ายที่สุดแล้ว ผลการวิจัยนี้ยิ่งตอกย้ำรายการงานวิจัยที่น่าตกใจเกี่ยวกับระบบอาหารโลก ทิม แลง ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านนโยบายอาหารประจำมหาวิทยาลัยซิตี้เซนต์จอร์จ มหาวิทยาลัยลอนดอน กล่าวกับ CNN ว่า

“ข้อมูลสะสมเพิ่มขึ้น นักการเมืองเมินเฉย การใช้ที่ดินไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหรือรุนแรงเพียงพอ ผู้บุกเบิกบางคนพยายามอย่างเต็มที่ แต่ผลกระทบโดยรวมคือช่องว่างในการปรับตัวของโลกกำลังลดลง” เขากล่าว

ที่มา: AP NewsCNNFast Company