ครม.เห็นชอบ ดันคาร์บอนเครดิตไทยโตระดับโลก ตามกลไกปารีส ย้ำต้องไม่ฟอกเขียว

ครม.เห็นชอบแนวทางการใช้คาร์บอนเครดิตสำหรับวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำในตลาดคาร์บอนระดับโลก การดำเนินการจะอยู่ภายใต้กลไกข้อ 6 ของความตกลงปารีส เน้นโครงการที่มีคุณภาพสูง โปร่งใส และป้องกันการฟอกเขียว
KEY
POINTS
- คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการใช้คาร์บอนเครดิตสำหรับวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำในตลาดคาร์บอนระดับโลก
- การดำเนินการจะอยู่ภายใต้กลไกข้อ 6 ของความตกลงปารีส โดยเน้นโครงการที่มีคุณภาพสูง โปร่งใส และต้องป้องกันการฟอกเขียว (Greenwashing)
- กำหนดกรอบการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศไม่เกิน 16.7 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายในปี 2573 โดยมีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้กำกับดูแล
วันที่ 26 สิงหาคม 2568 "ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ “แนวทางปฏิบัติการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ” ภายใต้กลไกข้อ 6 ของความตกลงปารีส (Article 6 of the Paris Agreement) ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ไทยก้าวสู่บทบาทผู้นำระดับนานาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่มีคุณภาพสูง สอดคล้องกับ แผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ พ.ศ. 2564 – 2573 (NDC Action Plan on Mitigation 2021 - 2030) โดยจะกำหนดประเภทโครงการที่สามารถสร้างคาร์บอนเครดิตที่มี “ศักยภาพสูง” และผ่านเกณฑ์ความโปร่งใส ปราศจากการฟอกเขียว (Greenwashing) ตามมาตรฐานสากล
ดร.เฉลิมชัย ระบุเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้วางกรอบการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตสำหรับวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศภายในปี 2573 ไม่เกิน 16.7 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
ทั้งนี้ ครม. มอบหมายให้ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการอนุญาตและกำกับดูแลการดำเนินงานและการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิต โดยยึดหลัก ความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม
การตัดสินใจครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการเดินหน้าสู่ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) และเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคและระดับโลก
คาร์บอนเครดิตภายใต้ Paris Agreement ข้อ 6 ไทยทำกับประเทศใดบ้าง?
1. สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายแรกของโลกในรูปแบบการโอนผลลัพธ์การลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ (ITMOs) ภายใต้กลไก Article 6.2 โดยในวันที่ 24 มิถุนายน 2022 มีการลงนามในข้อตกลงซื้อ ITMOs ระหว่าง Energy Absolute (โครงการในประเทศไทย) กับ KliK Foundation (ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์)
โครงการนำร่องคือ Bangkok E-Bus Program หลังจากผ่านการตรวจสอบและยืนยันแล้ว มีการโอน 1,916 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ไปยังบัญชีของ KliK Foundation ในทะเบียนการซื้อขายของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ 15 ธันวาคม 2023
2. สิงคโปร์ (Singapore)
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 มีการลงนามใน Implementation Agreement ระหว่างไทยและสิงคโปร์ ภายใต้ Article 6 เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิต
เมื่อสิงคโปร์และไทยออกคาร์บอนเครดิตร่วมกัน จะมีการกันไว้ 2% เพื่อลบออก จะไม่ได้นำไปขายหรือใช้ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจริงๆ และจัดสรร 5% เพื่อมาตรการปรับตัว เช่น การป้องกันชายฝั่งหรือจัดหาน้ำสะอาด
ปัจจุบันยัง ไม่มีการโอน ITMOs ที่เกิดขึ้นจริงระหว่างสองประเทศนี้ในขั้นตอนนี้ เป็นเพียงการวางกรอบความร่วมมือ แต่จากนี้จะมีการดำเนินการต่างๆ เช่น เปิดรับใบสมัครโครงการเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลง สิงคโปร์เตรียมจัดคณะผู้แทนการค้าไปไทยเพื่อจับคู่ธุรกิจและสร้าง pipeline โครงการคุณภาพสูง







