'ยูโอบี' เดินหน้าสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ชูบทบาทธนาคารผู้นำด้านความยั่งยืน

'ยูโอบี' เดินหน้าสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ชูบทบาทธนาคารผู้นำด้านความยั่งยืน

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย (UOB) ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนการเงินเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย (UOB) ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนการเงินเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ด้วยพันธกิจอันแน่วแน่ในการสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ และมุ่งสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจและสังคม

บนเวที "GCNT Expo 2025" ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย หนึ่งในสมาชิกสมาคมโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (GCNT) ผลักดันแนวคิดด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โดย "ริชาร์ด มาโลนี่ย์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ขึ้นเวทีนำเสนอวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ภายใต้หัวข้อ "Designing Finance for Thailand’s Green Future"  ขณะเดียวกัน "เชา วง ยวน" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "Capital for Change: Unlocking Sustainable Finance for Global Impact" สะท้อนถึงบทบาทของธนาคารในการเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ยั่งยืนในระดับโลก

ปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียว

ริชาร์ด มาโลนี่ย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า UOB เริ่มดำเนินกิจการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1999 ปัจจุบันมีสาขากว่า 140 แห่งทั่วประเทศ และให้บริการลูกค้ากว่า 2.5 ล้านราย โดยมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งยึดมั่นในความรับผิดชอบต่ออนาคตของประเทศในมิติด้านความยั่งยืน

“โลกกำลังก้าวเข้าสู่ ‘การปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียว’ โดยมีเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อปีลงเหลือศูนย์ ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินลงทุนสูงถึง 100 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายใน 25 ปีข้างหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero จำเป็นต้องได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแล สถาบันการเงิน นักลงทุน และผู้บริโภค รวมถึงอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน ตั้งแต่พลังงาน การเกษตร 
การบิน ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านและที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีเงินทุนที่ไหลไปในทิศทางที่ถูกต้อง

'ยูโอบี' เดินหน้าสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ชูบทบาทธนาคารผู้นำด้านความยั่งยืน

ขับเคลื่อนการเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืน

ธุรกิจต่างๆ ต้องการเงินทุนเพื่อยกระดับ สร้างนวัตกรรม และอยู่รอดในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ท่ามกลางแรงกดดันจากนักลงทุน นโยบาย และสังคม ยูโอบีจึงเข้ามาเป็น "พันธมิตรเชิงกลยุทธ์" กับภาคธุรกิจ เพื่อเสริมความมั่นใจในการเปลี่ยนผ่านด้วยกรอบโครงสร้างที่ชัดเจน และวางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

โดยมี 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ เติบโตอย่างยั่งยืน ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และยึดมั่นในความรับผิดชอบ โดยทั้งหมดตั้งอยู่บนวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดถือ คุณธรรม สร้างสรรค์ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความมุ่งมั่น 'ยูโอบี' เดินหน้าสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ชูบทบาทธนาคารผู้นำด้านความยั่งยืน

เคียงข้างเพื่อช่วยเปลี่ยนผ่าน ร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ

ริชาร์ด กล่าวด้วยว่า ยูโอบีให้คำมั่นในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 บนพื้นฐานของความต้องการ การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม ที่ยังคงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม และเดินหน้าร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการบ่มเพาะให้ลูกค้าและธุรกิจก้าวสู่เส้นทางความยั่งยืนไปด้วยกันด้วยความเชื่อมั่นว่านี่คือ "โอกาสสำหรับทุกคน"

ภายใต้ เป้าหมายนี้ ธนาคารมุ่งเน้นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงทั้ง 6 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ยานยนต์ น้ำมันและ ก๊าซธรรมชาติ อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และเหล็กกล้า ซึ่งทั้ง 6 อุตสาหกรรมนี้ คิดเป็น 60% ของพอร์ต โฟลิโอสินเชื่อของธุรกิจธนาคารยูโอบี

ธนาคารยังได้พัฒนา โซลูชันทางการเงินที่ยั่งยืน (Sustainable Financing Solutions) ภายใต้กรอบแนวคิดการเข้าถึงการเงินทุนที่ยั่งยืน 7 ด้าน อาทิ กรอบแนวคิดด้านเมืองอัจฉริยะ กรอบแนวคิดด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน กรอบแนวคิดด้านสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจะครอบคลุมธุรกิจต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกเม็ดเงินของการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) จะมีความโปร่งใส และสามารถวัดผลได้

'ยูโอบี' เดินหน้าสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ชูบทบาทธนาคารผู้นำด้านความยั่งยืน

เข็มทิศแนะแนวทางความยั่งยืน

เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเริ่มต้นหรือพัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ยูโอบีได้สร้างสรรค์เครื่องมือออนไลน์ UOB Sustainability Compass ช่วยประเมินระดับความยั่งยืนของธุรกิจ และวางแผนการเปลี่ยนผ่านได้อย่างเหมาะสมไม่จำเป็นต้องมีทรัพยากรมากมายหรือจ้างที่ปรึกษาเพราะยูโอบีเชื่อว่าทุกธุรกิจควรมีโอกาสเข้าถึงความรู้และเครื่องมือในการทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ

"เราเชื่อว่าการเงินที่ยั่งยืนไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางธุรกิจ แต่เป็นวิธีที่เราจะทิ้งโลกใบนี้ไว้ให้ดีกว่าที่เราได้รับมา และตอบคำถามของคนรุ่นใหม่ได้อย่างชัดเจน"

'ยูโอบี' เดินหน้าสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ชูบทบาทธนาคารผู้นำด้านความยั่งยืน

นวัตกรรม U-Series

ด้าน "เชา วง ยวน" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า UOB มีโครงการพิจารณาพอร์ตโฟลิโอการให้สินเชื่อที่มุ่งมั่นลดเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3 ของลูกค้า ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า Scope 1 และ 2 รวมกันถึงเจ็ดเท่า

โดย UOB ได้พัฒนา Sustainable Finance Framework ตั้งแต่ปี 2019 และปัจจุบันมีกรอบการทำงาน 7 รูปแบบ รวมถึง Transition Financing Framework สำหรับภาคส่วนที่ต้องเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนมากขึ้น เช่น อสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจหมุนเวียน

นอกจากนี้ UOB ยังได้ริเริ่มโซลูชันการเงินแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ U-Series ซึ่งประกอบด้วย U-Solar, U-Drive และ U-Energy เพื่อสนับสนุนธุรกิจและผู้บริโภคในอุตสาหกรรมต่างๆ ลดคาร์บอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

"ผมภูมิใจที่จะบอกว่า U-Solar ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศไทย เจ้าของบ้านกว่า -1,700 ราย พลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้นจากโครงการนี้"

ไทยผู้นำการเงินยั่งยืนในเอเชีย

"เชา วง ยวน" บอกว่า แม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นผู้ริเริ่มแนวทางการเงินเพื่อความยั่งยืน แต่ประเทศไทยกลับมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและโดดเด่นอย่างมาก

"ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน และมีกรอบนโยบายที่สนับสนุนเช่น Thailand Taxonomy และการบูรณาการข้อมูล ESG ในตลาดทุน"

'ยูโอบี' เดินหน้าสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ชูบทบาทธนาคารผู้นำด้านความยั่งยืน

ปัจจุบัน UOB มีสัดส่วน-ครึ่งหนึ่งของสินเชื่อใหม่ในปีที่แล้วเป็นการให้สินเชื่อที่ยั่  งยืน ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดการเงินเพื่อความยั่งยืนในประเทศ

ความสำเร็จนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันของ 3 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ สถาบันการเงิน (ผู้เสนอสินเชื่อ) ภาคธุรกิจ(ผู้ต้องการเงินทุน) และ รัฐบาล (ผู้ขับเคลื่อนและวางนโยบาย) ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนในภูมิภาค

ความท้าทาย และก้าวต่อไป

แม้จะมีความก้าวหน้าอย่างมากในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำก็ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของข้อมูลก๊าซเรือนกระจกและการทวนสอบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงปัญหาการนับซ้ำ 

ขณะที่แนวโน้มในอนาคต “เชา วง ยวน” ให้ความเห็นว่า ด้วยแรงผลักดันจากนักลงทุน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่สินค้าคาร์บอนต่ำ และข้อกำหนดระหว่างประเทศ เช่น CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรป คาดว่าความต้องการด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

UOB มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขความท้าทายเหล่านี้ และจะยังคงทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริงในภูมิภาคต่อไป