'พลังงาน' ยกโมเดล 'โรงไฟฟ้าขยะหนองแขม' แก้ปัญหาขยะล้น กทม.

กระทรวงพลังงาน เดินหน้าพลังงานสะอาด! ชู "โรงไฟฟ้าขยะหนองแขม" โมเดลเปลี่ยนขยะเป็นไฟฟ้า แก้ปัญหาขยะ กทม. ต้นแบบพลังงานแห่งอนาคต
KEY
POINTS
- กระทรวงพลังงาน เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าขยะหนองแขม เพื่อชูเป็นโมเดลต้นแบบในการแก้ปัญหาขยะมูลฝอยของกรุงเทพฯ และสามารถนำไปต่อยอดในพื้นที่อื่นได้ โดยบริษัท ซีแอนด์จีฯ มีศักยภาพกำจัดขยะได้ 500 ตันต่อวัน และผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 9.8 เมกะวัตต์ แบ่งเบาภาระขยะของ กทม. ที่มีปริมาณสูงกว่า 10,000 ตันต่อวัน
- ใช้เทคโนโลยีเตาเผาแบบตะกรับที่อุณหภูมิสูง 850-1,100 องศาเซลเซียส ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ปลอดภัย และสามารถเปลี่ยนปัญหาขยะให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้
- มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรัดกุม โดยนำเถ้าหนักไปทำอิฐบล็อก และมีระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ น้ำ และเสียงตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผ่านมาตรฐานภาครัฐ
- โครงการนี้ช่วยลดการฝังกลบขยะ เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ
ขยะมูลฝอยล้นเมืองเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและการขยายตัวของเมืองส่งผลให้เกิดปริมาณขยะมหาศาล ซึ่งสร้างภาระต่อระบบการจัดการขยะของเมืองอย่างมาก หากไม่มีการจัดการที่ดี ขยะเหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของคนเมือง ทั้งในด้านมลพิษทางอากาศและน้ำ การปนเปื้อนของดิน รวมถึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆ
การบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพในกรุงเทพฯ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยต้องอาศัยแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้แล้วทิ้ง โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ลดการสร้างขยะ (Reduce): เริ่มต้นที่ตัวเราเองด้วยการลดการบริโภคที่ไม่จำเป็น
- ใช้ซ้ำ (Reuse): นำสิ่งของที่ยังใช้ได้กลับมาใช้ใหม่
- นำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle): แยกขยะเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาขยะล้นเมืองอย่างยั่งยืน รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายการตั้ง โรงไฟฟ้าจากขยะ (Waste-to-Energy Plant) ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปลี่ยนขยะที่ยังไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัดเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างรายได้ และผลิตพลังงานสะอาดที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย
การดำเนินนโยบายนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะของกรุงเทพฯ และยังช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ในอนาคต
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชม "โครงการโรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม" ณ ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม กรุงเทพฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและต้นแบบความสำเร็จ ในการบริหารจัดการขยะชุมชนเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและเสริมความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมุ่งส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ ตามนโยบายพลังงานของประเทศ การพาคณะสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าขยะหนองแขมในวันนี้ เพื่อต้องการให้เห็นการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาขยะมูลฝอยของกรุงเทพฯ ซึ่งมีปริมาณมหาศาลในแต่ละวัน ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการเปลี่ยนปัญหาให้เป็นประโยชน์ สามารถกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักสุขาภิบาล ลดการฝังกลบ และยังได้ผลพลอยได้เป็นพลังงานไฟฟ้าที่ช่วยเสริมระบบไฟฟ้าของประเทศ ถือเป็นโมเดลที่สามารถนำไปต่อยอดในพื้นที่อื่นๆ ได้
สำหรับการเยี่ยมชมครั้งนี้ คณะสื่อมวลชนได้รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมโครงการจากผู้บริหารบริษัท ซีแอนด์จี เอนไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ ก่อนจะเข้าเยี่ยมชมกระบวนการทำงานจริง ตั้งแต่จุดรับขยะ บ่อพักขยะเพื่อลดความชื้น ห้องควบคุมการเผาไหม้ ไปจนถึงระบบผลิตไฟฟ้าและระบบบำบัดมลพิษที่ทันสมัย
ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดี ที่ได้พาสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม กรุงเทพฯ ดำเนินการโดย บริษัท ซีแอนด์จี เอนไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงกำจัดขยะที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ด้วย นับว่าเป็นโครงการที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยแบ่งเบาภาระการจัดการขยะของ กทม. ซึ่งมีปริมาณสูงกว่า 10,000 ตันต่อวัน ครึ่งหนึ่งเป็นขยะจากเศษอาหาร โดยโรงงานแห่งนี้มีศักยภาพในการกำจัดขยะได้ 500 ตันต่อวัน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 9.8 เมกะวัตต์ (MW) ด้วยเทคโนโลยีเตาเผาแบบตะกรับที่อุณหภูมิสูง 850-1,100 องศาเซลเซียส ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์และปลอดภัย
นอกจากนี้ โรงงานยังมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรัดกุม ทั้งการนำเถ้าหนักจากการเผาไปใช้ประโยชน์ทำอิฐบล็อกปูถนน และการกำจัดเถ้าเบาอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งมีระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง รวมถึงการตรวจวัดคุณภาพน้ำและเสียง ซึ่งผลการตรวจวัดทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ มาตรฐานภาครัฐ ถือว่าเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาขยะและได้ประโยชน์จากการผลิตไฟฟ้าไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของกระทรวงพลังงาน โรงไฟฟ้าขยะนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งในสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน และลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศได้อีกด้วย







