‘สินค้าเกษตร’เร่งเครื่องปรับตัวรับ ‘ระเบียบไม่ทำลายป่า’สหภาพยุโรป

‘สินค้าเกษตร’เร่งเครื่องปรับตัวรับ  ‘ระเบียบไม่ทำลายป่า’สหภาพยุโรป

สหภาพยุโรป(EU)ได้ประกาศใช้ระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า (European Union Deforestation Regulation: EUDR) เพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดอย่างยั่งยืน

 ไม่ส่งผลกระทบต่อป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้เต็มรูปแบบในช่วงปลายปี2568 ถือเป็นความท้าทายสำคัญของผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยที่ต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลักดันสินค้าเกษตรของไทยที่มีคุณภาพ ปลอดภัย รวมทั้งต้องมีความโปร่งใสและความยั่งยืน ในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “Kick off ยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตรไทยรองรับภายใต้ระเบียบ EUDR” ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตระหนักถึงความสำคัญของกฎระเบียบดังกล่าว โดยการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทิศทางของแผนงานวิจัยและพัฒนา สร้างความตระหนักรู้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนบทบาทของประเทศไทยในเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการ Deforestation-free และ Due Diligence ตามระเบียบของสหภาพยุโรป 

ทั้งนี้การสร้างความเข้าใจ ร่วมกันวางแผน และประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐภาคเอกชน เกษตรกร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EUDR ได้อย่างครบถ้วนและทันเวลา อีกทั้งยังถือเป็นการเริ่มต้นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จในการรักษาตลาด ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรไทย สร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกร และประเทศชาติในระยะยาว

“ประเทศไทยถูก EU จัดให้อยู่ในประเทศกลุ่มความเสี่ยงต่ำ แต่การปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎระเบียบ EUDR ยังเป็นเรื่องท้าทายและโอกาสสำคัญที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญ เนื่องจากข้อมูลของสหประชาชาติ (UN Comtrade Database) พบว่าในปี 2567 มีการส่งออกสินค้าเกษตร 7 กลุ่ม ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กาแฟ ถั่วเหลืองโกโก้ โค และไม้ ไปยัง EU มูลค่ารวมกว่า 1.85 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 6.49 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ เป็นผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรรายย่อย โดยเฉพาะยางพาราที่มีสัดส่วนกว่า 90% ดังนั้น การเตรียมความพร้อม จึงไม่เพียงรักษาตลาดที่อาจกระทบโดยตรงต่อรายได้และศักยภาพในการแข่งขันของไทยในตลาดยุโรป แต่ยังเป็นการอนุรักษ์ป่าไม้และยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของไทย”

ด้านนายวิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (ARDA)กล่าวเพิ่มเติมว่า ARDA ได้เสนอหัวข้อประเด็นมุ่งเป้าเรื่อง EUDR เพื่อเตรียมการให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมีความพร้อมเมื่อสหภายุโรปบังคับใช้กฎระเบียบนี้ โดยกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นจึงเห็นชอบให้ ARDA ขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว

 โดย ARDA ได้เชื่อมโยงนโยบายและผลลัพธ์จากงานวิจัยสู่การปฏิบัติจริง เช่น ระบบ GIS และ Remote Sensing สำหรับตรวจสอบและยืนยันพิกัดแปลงเพาะปลูก ระบบ Traceability แบบ End-to-End สำหรับติดตามสินค้าเป็นล็อตตั้งแต่ฟาร์มถึงปลายทาง และความพร้อมในการยื่น Due Diligence Statement (DDS) แบบเรียลไทม์ รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับเกษตรกรรายย่อย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกสินค้าผ่านกฎระเบียบ EUDR ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนดได้อย่างมั่นใจ

สำหรับประเทศไทย ARDA ได้สนับสนุนทุนวิจัยให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เพื่อจัดทำกรอบนโยบายระดับชาติ หรือ National policy framework เพื่อให้คณะกรรมการ EUDR ระดับชาติเห็นชอบ และใช้เป็นแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎระเบียบ EUDR ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญและเพื่อมุ่งสู่การรับมือกับความท้าทาย ต่อการปรับตัวของภาคการเกษตรไทย โดยได้เปิดตัว 9 โครงการวิจัยที่ให้การสนับสนุนทุนวิจัยล่าสุดเพื่อร่วมขับเคลื่อน การดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ได้แก่ 1.โครงการการออกแบบระบบเตรียมความพร้อมสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทาน – มหาวิทยาลัยรังสิต 2.โครงการพัฒนาระบบนำเข้า–ส่งออกตามมาตรฐาน EUDR – สมาคมอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย 3.โครงการจัดทำแพลตฟอร์ม Geolocation ตรวจสอบพื้นที่ปลูกที่ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า – บริษัท จีไอเอส จำกัด

4.โครงการวิเคราะห์ตลาดสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยัง EU – บริษัท แอคเซส ยุโรป จำกัด 5.โครงการศึกษาอุปสรรคทางกฎหมายในการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ภายใต้กฎระเบียบ EUDR -มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 6. โครงการเสริมศักยภาพผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานปาล์มน้ำมัน – กรมวิชาการเกษตร 7.โครงการการศึกษาระบบยืนยันความถูกต้องทางกฎหมายของไม้ไทยสำหรับส่งออก – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 8.โครงการทวนสอบข้อมูลเกษตรกรและพิกัดแปลงเกษตรกรรมในเขตปฏิรูปที่ดิน – สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม9.โครงการการวิจัยและปรับปรุงข้อมูลผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัลให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ EUDR – กรมส่งเสริมการเกษตร

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการสาธิตระบบ Traceability Platform และ Geolocation Platform ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกฎระเบียบดังกล่าว