‘นกเขตร้อน’ หาย 38% จากอากาศร้อนจัด ลูกนกรอดชีวิตยาก ร่างกายขาดน้ำ

‘นกเขตร้อน’ หาย 38% เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้ลูกนกรอดชีวิตยาก ร่างกายขาดน้ำ ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ
KEY
POINTS
- งานวิจัยเผยว่าเหตุการณ์ความร้อนรุนแรงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประชากรนกเขตร้อนลดลงถึง 38% ในช่วงปี 1950-2020
- อากาศที่ร้อนจัดทำให้นกเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงและอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป (ไฮเปอร์เทอร์มิก) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
- ความร้อนสูงส่งผลกระทบต่อการสืบพันธุ์ ทำให้อัตราการรอดชีวิตของลูกนกลดลง เนื่องจากพ่อแม่นกอาจละทิ้งรังเพื่อเอาตัวรอด
ภูมิภาคบริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลก ตั้งแต่ป่าฝนในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ รวมถึงทุ่งหญ้าสะวันนาทางตอนเหนือของออสเตรเลีย เป็นที่อยู่อาศัยของ “นกเขตร้อน” หลายพันชนิด ไม่ว่าจะเป็นนกมาคอว์ นกทูแคน ไปจนถึงนกฮัมมิงเบิร์ด ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและชื้น
แต่เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้น ภูมิภาคเขตร้อนมีวันที่ร้อนจัดจนเป็นอันตรายเพิ่มขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อ 40 ปีก่อน จากเฉลี่ยสามวันต่อปี เป็น 30 วัน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของนกประมาณ 72% ของทั่วโลกที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศเหล่านี้
ข้อมูลจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Ecology and Evolution ระบุว่า ระหว่างปี 1950-2020 เหตุการณ์ความร้อนจัดทำให้ประชากรนกเขตร้อนลดลงประมาณ 25–38%
“สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าเราต้องจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะสถานการณ์ความร้อนรุนแรงเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป” เจมส์ วัตสัน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การอนุรักษ์แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์และหนึ่งในผู้เขียนรายงานการศึกษากล่าว
ทีมวิเคราะห์ข้อมูลสังเกตการณ์ทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 90,000 รายการจากนกมากกว่า 3,000 ตัว และนำมาเปรียบเทียบกับบันทึกสภาพอากาศประจำวันย้อนหลังไปถึงปี 1940 เพื่อดูว่านกเหล่านี้ตอบสนองต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว รวมถึงการเกิดฝนฟ้าคะนองและคลื่นความร้อนอย่างไร
นักวิทยาศาสตร์พบว่า ความร้อนที่รุนแรงส่งผลให้ประชากรนกลดลงในบริเวณละติจูดต่ำกว่า 55 องศาเหนือหรือใต้ โดยผลกระทบที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในเขตร้อน ซึ่งหมายถึงละติจูดต่ำกว่า 23 องศา
รายงานยังพบอีกว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิสุดขั้วเป็นอันตรายต่อนกมากกว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยรายปีที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความร้อนจัดคร่าชีวิตนกเขตร้อน
แนวคิดที่ว่าประชากรนกกำลังลดลงอย่างรวดเร็วไม่ใช่เรื่องใหม่ จากการศึกษาในปี 2019 พบว่า จำนวนนกในสหรัฐและแคนาดาลดลง 30% นับตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งบ่งชี้ถึงการสูญเสียนกเกือบ 3,000 ล้านตัว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผลกระทบโดยตรงจากมนุษย์ เช่น การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยจากการทำเกษตรกรรม การตัดไม้ การทำเหมือง หรือแม้แต่การบินชนอาคาร
จากการศึกษาพบว่า ในป่าฝนที่อยู่ห่างไกลและเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า 2 แห่งในปานามา มีจำนวนนกลดลงมากกว่า 50% โดยในป่าหนึ่งเริ่มลดลงในช่วงระหว่างปี 1977-2020 ส่วนอีกที่เกิดระหว่างปี 2003-2022
เมื่อนกต้องเผชิญกับความร้อนสูงจัด พวกมันอาจเข้าสู่ภาวะไฮเปอร์เทอร์มิก (hyperthermic) อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นจนถึงระดับอันตราย เนื่องจากนกไม่สามารถขับเหงื่อได้ ภายใต้สภาวะเช่นนี้ พวกมันสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็วผ่านการระบายความร้อนด้วยการระเหย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการหอบ (การระเหยของระบบทางเดินหายใจ) และในบางสายพันธุ์อาจมีอาการกระพือปีก (การสั่นของผิวหนังคออย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ) รวมถึงการระเหยผ่านผิวหนัง เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น กระบวนการเหล่านี้จะเร่งตัวขึ้น ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่นกจะสามารถดื่มน้ำได้บ่อยขึ้นหรือเข้าถึงอาหารที่มีความชื้นมากกว่า
ภาวะนี้จะทำให้นกขาดน้ำหรือสับสน และในบางกรณีอาจหมดสติและตกจากกิ่งไม้ หากนกรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ พวกมันอาจได้รับความเสียหายระยะยาว เช่น อวัยวะล้มเหลวจากความร้อนและความสามารถในการสืบพันธุ์ลดลง
ขณะเดียวกัน ความร้อนสูงยังทำให้เวลาในการหาอาหารลดลง เนื่องจากนกต้องพักผ่อนหรือหาที่ร่มในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด นอกจากนี้ยังทำให้อัตราความสำเร็จในการผสมพันธุ์ลดลง เกิดภาวะเครียดจากความร้อนในไข่และลูกนก ในกรณีรุนแรง ลูกนกอาจตายจากภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป หรือพ่อแม่นกอาจละทิ้งรังเพื่อเอาชีวิตรอด
“นกมีความไวต่อภาวะขาดน้ำและความเครียดจากความร้อนเป็นพิเศษ โดยความร้อนสูงเกินไปกระตุ้นให้นกมีอัตราการตายเพิ่มสูง อัตราการเจริญพันธุ์ลดลง พฤติกรรมการผสมพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และลูกนกมีอัตรารอดชีวิตลดลง” แม็กซิมิเลียน คอทซ์ นักวิจัยรับเชิญจากสถาบันวิจัยผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศพอทสดัม (PIK) และนักวิจัยจากศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์บาร์เซโลนา (BSC) กล่าว
พื้นที่เขตร้อน เป็นพื้นที่สำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพ มีนกหลายชนิดที่อาศัยอยู่เฉพาะพื้นที่นี้ และหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่แคบมาก ขณะเดียวกันพื้นที่เหล่านี้ก็เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นพิเศษ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเกินกว่าช่วงอุณหภูมิที่นกอยู่อาศัย พวกมันก็จะปรับตัวได้ยากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
นักวิจัยกล่าวว่า ผลการศึกษาแสดงให้เห็นชัดว่า “เราไม่สามารถนิ่งเฉย และคิดเอาเองว่าสิ่งมีชีวิตจะปลอดภัยเพราะพวกมันอยู่ในพื้นที่คุ้มครอง เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแผ่ขยายวงกว้างมาก จนส่งผลกระทบต่อพื้นที่เหล่านั้นด้วย”
โกโล เมาเรอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การอนุรักษ์นกของ Birdlife Australia องค์กรสนับสนุนการอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกพื้นเมือง ระบุว่า กล่าวว่าเขาสังเกตเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อนกในเขตร้อนชื้นทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและมีนกเฉพาะถิ่นจำนวนมาก
วัตสันกล่าวว่าการศึกษาครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่บอกว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
“เราต้องลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็นกลยุทธ์หลัก เพราะเราจะสูญเสียสายพันธุ์จำนวนมากในเขตร้อนชื้นหากเราไม่ทำ” วัตสันกล่าว
หากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีการควบคุม นกเขตร้อน และอาจรวมถึงสัตว์และพืชอื่น ๆ อีกมากมาย จะต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อการอยู่รอดที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงอาจรวดเร็วและรุนแรงเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตหลายชนิดจะปรับตัวได้
ที่มา: CNN, Earth, Euro News, The Conversation







