กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ'

กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ'

กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้าโชว์นวัตกรรม ขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ' ลดสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ 31 ล้านบาทต่อชั่วโมง

EGAT ร่วมกับ MEA และ PEA จัดงาน "Show and Share Innovation for the Better Life 2025" เวทีแสดงศักยภาพผลงานวิจัย พัฒนาสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมพลังงานยุคดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ มุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน

กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ'

งาน Show and Share Innovation for the Better Life 2025 เป็นเวทีนำเสนอผลงานนวัตกรรมที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาบริการไฟฟ้าอัจฉริยะ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้ใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัลและสังคมคาร์บอนต่ำ โดยปีนี้ MEA เป็นเจ้าภาพจัดงาน ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ วันที่ 18 ส.ค. 68

นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ EGAT กล่าวในการเสวนา "นวัตกรรมเพื่อความมั่นคงระบบไฟฟ้า" ว่า กฟผ. ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเป็นองค์กรหลักเพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยนวัตกรรมเพื่อความสุขของคนไทย

ทั้งนี้ กฟผ. มีภารกิจสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

  1. ) ดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
  2. ) ดูแลความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 
  3. ) ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม

โดยทั้ง 3 ภารกิจ นี้ กฟผ. ต้องบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลอย่างไรก็ตาม กฟผ. เดินหน้ายกระดับระบบไฟฟ้าให้ทันสมัย ยืดหยุ่น และยั่งยืนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสู่เป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) รองรับพลังงานหมุนเวียนและเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคตโดย กฟผ. มีการปรับโครงข่ายระบบไฟฟ้าให้ทันสมัย Grid Modernization เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน

กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ'

โดยปรับปรุงสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารกําลังการผลิตไฟฟ้า และลดความผันผวนของระบบ ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานทั้งแบตเตอรี่ (BESS) และโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ พร้อมพัฒนาศูนย์ควบคุมตอบสนองด้านโหลด (DRCC) และศูนย์พยากรณ์พลังงานหมุนเวียน (REFC) เพื่อใช้ข้อมูลมาวางแผนและบริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมผลักดันโครงการเพื่อความยั่งยืน อาทิ 1.)ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) 2.)โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ 3.) EV Integration และระบบชาร์จไฟอัจฉริยะผ่าน แพลตฟอร์ม EleXA และ BackEN EV 4.) Urban Mining และการบริหารจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้วอย่างคุ้มค่า และ 5.) การจัดซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Linked Bond) มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรสู่ความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว

กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ'

"เราต้องหาอะไรดีๆ ให้กับสังคม ชุมชม และประเทศ ซึ่ง 3 การไฟฟ้าได้ทำงานร่วมกันมายาวนาน ซึ่ง กฟผ.มีแผนยุทธศาสตร์ (ปี 2568-2572) ที่ทุกแผนปฏิบัติการต้องมีนวัตกรรมเข้ามาร่วม อาทิ การใช้ดิจิทัลเพื่อการบริหารจัดการ ซึ่งปัจจุบัน กฟผ. ใช้ AI เข้าช่วยเขียน TOR เพื่อลดกระบวนการทำงานส่วนระบบผลิตไฟฟ้าก็พยายามหาเทคโนโลยีใหม่มาตอบโจทย์ความยั่งยืนสู่เป้าหมาย Net Zero สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันประเทศ" 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำในการผลิตไฟฟ้าจะต้องหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาช่วย เช่น พลังงานหมุนเวียน ซึ่งในระบบส่งหลายจุด กฟผ. จึงมีการกำหนดมาตรฐานใหม่เสมอเพื่อตอบสนองการใช้งานระบบไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน

สำหรับอีกนวัตกรรมที่ กฟผ. นำมาแสดงและได้รับความสนใจคือ "นวัตกรรมการขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูงข้ามอุปกรณ์ที่มีกระแสไฟฟ้า 115-230 เควี" เนื่องจากทีมบำรุงรักษาสายส่งมีภารกิจขึงสายส่งไฟฟ้าที่ต้องขึงสายส่งให้ลอยสูงเหนือพื้นดินข้ามผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าในสถานีไฟฟ้า หรือข้ามสายส่งไฟฟ้าที่ต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องไม่สามารถดับกระแสไฟฟ้าได้เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ทีมบำรุงรักษาสายส่งจึงต้องพัฒนาหาวิธีการขึงสายส่งฟ้าเส้นใหม่ข้ามอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กำลังส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูง 115-230 kV ให้สำเร็จโดยใช้เทคนิควิธีการแบบใหม่ และพัฒนาเครื่องมือขึ้นใหม่เพื่อตอบสนองภารกิจของ กฟผ. สำหรับคุณสมบัติของการใช้งาน อาทิ 1.) สามารถใช้โปรแกรมคำนวณที่พัฒนาขึ้นมา หาความยาวสายส่ง ที่ต้องใช้ในการขึงสายส่ง ทำให้สามารถตัด บีบ และปั๊มหัวสายได้อย่างแม่นยำ รวมไปถึงการคำนวณ การรับน้ำหนักของตัวสะพาน หากหุ่นยนต์ไต่ไป จะเกิดระยะหย่อนของสายส่งเท่าไหร่ ทำให้เราคาดการณ์ และเลือกใช้ค่าต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย 2.) สามารถดึงลากสายส่งผ่านรอกพวง โดยที่สายส่งที่ขึงใหม่ ไม่หย่อนไปใกล้สายส่งหรือ อุปกรณ์ด้านล่างที่จ่ายกระแสไฟฟ้าได้

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้รับและสามารถขยายผล แบ่งเป็น 1.) นำไปใช้ขึงสายไฟฟ้าข้ามลานไกไฟฟ้า โดยไม่ดับกระแสไฟฟ้าได้ 2.) นำไปใช้ ขึงสายสื่อสาร และสายล่อฟ้า (OPGW OHGW) โดยไม่ดับกระแสไฟฟ้าได้ และ 3.)จากการขึงสายโดยไม่ดับกระแสไฟฟ้าสายส่ง 230kV แม่เมาะ3 - เชียงใหม่3(MM3-CM3) ทำให้ลดการจะสูญเสียโอกาสในการจ่ายไฟฟ้า 235  MW ซึ่ง กฟผ. จะสูญเสียโอกาสในการจ่ายไฟฟ้าเป็นเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท ต่อ 1 ชั่วโมง ประเมินเป็นมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจเนื่องมาจากไฟฟ้าดับเท่ากับ 31 ล้านบาท ต่อ 1 ชั่วโมง ช่วยให้ประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ไม่ต้องรับผลกระทบจากการดับกระแสไฟฟ้า และไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ

การจัดงานครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือของ 3 การไฟฟ้า เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้ใช้ไฟฟ้าส่งเสริมงานวิจัยพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันพร้อมขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานให้การผลิต จัดหา และส่งจ่ายไฟฟ้าของประเทศมีคุณภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน

กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ' กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ' กฟผ. พลิกโฉมระบบไฟฟ้า โชว์นวัตกรรมขึงสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 'ไม่ดับไฟ'