‘สมอ.’ ชูธง ‘อุตฯสีเขียว’ ตอบโจทย์ New S-Curve รับมือโลกเปลี่ยน

‘สมอ.’ ชูธง ‘อุตฯสีเขียว’ ตอบโจทย์ New S-Curve รับมือโลกเปลี่ยน

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ชูธง "อุตสาหกรรมสีเขียว’ ตอบโจทย์ New S-Curve รับมือโลกเปลี่ยนแปลงในอนาคต

KEY

POINTS

  • กระทรวงอุตสาหกรรมผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 เพื่อให้สอดรับกับกติกาการค้าสากลที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
  • นโยบายดังกล่าวจะควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) ที่มีศักยภาพสูง เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร
  • สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ออกมาตรฐานด้านการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.) ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและ New S-curve เพิ่มเป็น 100 มาตรฐาน
  • มาตรฐานใหม่ครอบคลุมหลากหลายด้าน เช่น สิ่งแวดล้อมและก๊าซเรือนกระจก, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การแพทย์, เมืองอัจฉริยะ, และเศรษฐกิจหมุนเวียน
  • ปัจจุบัน สมอ. มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมรวมกว่า 534 เรื่อง (มตช. 100 เรื่อง, มอก. 380 เรื่อง, และ มผช. 54 เรื่อง) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีการค้าสากล

รัฐบาลประกาศเดินหน้าผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยเน้นย้ำว่านี่คือความท้าทายสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเพื่อตอบรับกับกติกาการค้าสากลที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นโยบายดังกล่าวไม่ได้มุ่งเพียงแค่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทองในการยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) ที่มีศักยภาพสูงของไทย โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ที่เป็นจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งการสร้างความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมที่ต้องปฏิบัติตามกติกาการค้าสากล ที่ทุกประเทศต่างให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลได้เดินหน้าสานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรมได้ตามกำหนดในปี ค.ศ. 2050 ที่กำหนดให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิต้องเป็นศูนย์ (net zero) ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมป้องกันประเทศในอันดับต้นๆ ของอาเซียน และกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรที่มีจุดแข็งด้านคุณภาพการรักษาและค่ารักษาพยาบาล

ส่งผลให้ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้ออกมาตรฐานที่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวเพิ่มอีก 55 มาตรฐาน เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และรองรับการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรม New S-curve

‘สมอ.’ ชูธง ‘อุตฯสีเขียว’ ตอบโจทย์ New S-Curve รับมือโลกเปลี่ยน

ด้านวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่าได้ออกมาตรฐานด้านการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.) ที่สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม New S-curve เพิ่มเป็น 100 มาตรฐาน ได้แก่

1. มาตรฐานที่ใช้ในการรับรองหน่วยรับรอง 10 มาตรฐาน เช่น การให้การรับรองระบบการจัดการปัญญาประดิษฐ์ การประเมินระบบการจัดการในระยะไกล ฯลฯ

2. มาตรฐานสิ่งแวดล้อมและก๊าซเรือนกระจก 7 มาตรฐาน ได้แก่ แนวทางสำหรับการพัฒนาโปรแกรมการตรวจสอบและทวนสอบ (validation and verification programmers)  ,3. มาตรฐานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 17 มาตรฐาน  ,4. มาตรฐานการแพทย์และสุขภาพครบวงจร 4 มาตรฐาน  ,5. มาตรฐานเมืองอัจฉริยะ 3 มาตรฐาน  ,6.  มาตรฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน 3 มาตรฐาน,

7.  มาตรฐานอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและบริการดิจิตัล 2 มาตรฐาน  ,8.  มาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยทางไซเบอร์ 22 มาตรฐาน,

9. มาตรฐานการบริหารงานคุณภาพขององค์กร 11 มาตรฐาน เช่น ข้อแนะนำในการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ข้อแนะนำสำหรับธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค แนวทางปฏิบัติด้านจรรยาบรรณสำหรับองค์กร 

10.  มาตรฐานเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูงและการท่องเที่ยวเน้นคุณค่า 5 มาตรฐาน

11. มาตรฐานอื่น ๆ เช่น การจัดการความเสี่ยงสำหรับการเดินทางไปทัศนศึกษา ธรรมาภิบาล มาตรฐานเกี่ยวกับวัสดุอ้างอิงในห้องปฏิบัติการ 16 มาตรฐาน 

โดย สมอ. จะประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าว เพื่อพัฒนาและยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีการค้าสากล ซึ่งปัจจุบัน สมอ. มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม ได้แก่  

1. มาตรฐานด้านการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.) จำนวน 100 เรื่อง เช่น มาตรฐานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมาตรฐานการจัดการสวนป่าไม้เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

2. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จำนวน 380 เรื่อง เช่น ปูนซิเมนต์ไฮดรอลิก แผงโซล่าเซลล์ ฟิล์มติดกระจกประสิทธิภาพพลังงาน เครื่องย่อยสลายขยะชีวภาพด้วยจุลินทรีย์ ระบบสูบน้ำด้วยระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ถุงพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ ถุงพลาสติกแตกสลายได้ทางชีวภาพสำหรับเพาะชำ กล้าไม้ ฟิล์มพลาสติกคลุมดินแตกสลายได้ทางชีวภาพสำหรับงานเกษตรกรรม

3. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จำนวน 54 เรื่อง เช่น ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา เครื่องเรือนเชือกกล้วย เครื่องเรือนไม้ไผ่ ภาชนะจากพืช หลอดจากพืช ผ้าพิมพ์ลายจากพืช ผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าว กระดาษรีไซเคิล และผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ เพื่อมุ่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันความตกลงปารีส เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2559 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2050

การประกาศนโยบายและมาตรฐานเหล่านี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการก้าวสู่ เศรษฐกิจสีเขียว ที่ไม่ใช่แค่การปรับตัวตามกฎเกณฑ์โลก แต่เป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน