กุญแจสู่เมืองยั่งยืนไม่ได้อยู่ที่ 'โครงสร้าง' แต่อยู่ที่ 'พฤติกรรม' ของคน

กุญแจสู่เมืองยั่งยืนไม่ได้อยู่ที่ 'โครงสร้าง' แต่อยู่ที่ 'พฤติกรรม' ของคน

แม้หลายเมืองจะทุ่มงบมหาศาลกับโครงการสีเขียว แต่กลับไม่เห็นผลเท่าที่ควร เพราะสิ่งที่ขาดหายไปคือการทำความเข้าใจพฤติกรรมคน

KEY

POINTS

  • การสร้างเมืองที่ยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับ "พฤติกรรม" ของผู้คน มากกว่าการลงทุนใน "โครงสร้างพื้นฐาน" เพียงอย่างเดียว ซึ่งมักไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
  • แนวคิดใหม่ "Sustainable Urban Behaviour (SUB)" ถูกนำเสนอเพื่อผสานหลักพฤติกรรมศาสตร์เข้ากับการพัฒนาเมือง โดยมีเป้าหมายเพื่อออกแบบสภาพแวดล้อมที่ทำให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายและน่าดึงดูดใจ
  • ความสำเร็จของเมืองชั้นนำอย่างอัมสเตอร์ดัมและสิงคโปร์พิสูจน์ว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผ่านการสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน คือกุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง

แม้เมืองทั่วโลกจะทุ่มงบมหาศาลไปกับโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม แต่กลับยังคงเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 70% ของโลก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีหรือเงินทุน แต่อยู่ที่ช่องว่างระหว่างนโยบายกับพฤติกรรมของผู้คนในชุมชน

งานวิจัยล่าสุดได้นำเสนอแนวคิดใหม่ที่ชื่อว่า Sustainable Urban Behaviour (SUB) framework ซึ่งผสานหลักการพฤติกรรมศาสตร์เข้ากับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยเปลี่ยนจากการมองว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล มาเป็นการทำความเข้าใจว่าพฤติกรรมของผู้คนคือส่วนหนึ่งของระบบทั้งหมด

ทำไมแค่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พอ

เมืองหลายแห่งทั่วโลกได้เรียนรู้บทเรียนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

  • เลนจักรยานที่สวยงามแต่กลับว่างเปล่า: เพราะไม่ได้มีการออกแบบสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้งานจริง
  • อาคารประหยัดพลังงานที่ใช้พลังงานสูง: เพราะผู้อยู่อาศัยยังคงมีพฤติกรรมการใช้พลังงานแบบเดิม
  • โครงการรีไซเคิลที่มีผู้เข้าร่วมน้อย: เพราะขาดแรงจูงใจและระบบที่สะดวกต่อการใช้งาน

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การจะทำให้เมืองยั่งยืนได้นั้น ต้องให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจว่าผู้คนตัดสินใจและใช้ชีวิตอย่างไรในแต่ละวัน

SUB Framework คืออะไร?

หลักการของ SUB ง่ายมาก เมื่อเราออกแบบสภาพแวดล้อมให้การทำสิ่งดีๆ เพื่อโลกเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด และเป็นที่ยอมรับในสังคม ผู้คนก็จะเลือกทำสิ่งนั้นโดยอัตโนมัติ

แทนที่จะบอกให้คนทำตามกฎ SUB จะใช้หลักจิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์มาช่วย เช่น

  1. การทำให้ง่าย: แทนที่จะให้คนต้องพยายามรีไซเคิลเอง ลองวางถังขยะแยกประเภทที่หาง่ายและใช้สะดวก
  2. การทำให้เป็นเรื่องปกติ: หากคนส่วนใหญ่ใช้จักรยาน การปั่นจักรยานก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่คนอื่นๆ อยากทำตาม
  3. การสร้างแรงจูงใจ: แทนที่จะปรับเงินคนทิ้งขยะไม่เป็นที่ ลองให้รางวัลกับคนที่ทำดี

เมื่อนำหลักการนี้ไปใช้ คนในเมืองจะไม่รู้สึกเหมือนกำลังเสียสละเพื่อความยั่งยืน แต่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่ถูกออกแบบมาอย่างดีและทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

ตัวอย่างความสำเร็จจากเมืองชั้นนำ

อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) ไม่ได้แค่สร้างเลนจักรยาน แต่ลงทุนอย่างเป็นระบบมานานหลายทศวรรษ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกัน นโยบายจราจรที่ลดการใช้รถยนต์ และการรณรงค์ทางวัฒนธรรม จนทำให้การปั่นจักรยานกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

สิงคโปร์ การเปลี่ยนเมืองให้เป็น "City in a Garden" ไม่ได้มาจากการวางแผนจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการมีส่วนร่วมของชุมชนผ่านโครงการปลูกสวนในเมืองและการให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้อยู่อาศัยเปลี่ยนจากผู้รับมาเป็นผู้ดูแลธรรมชาติในเมืองอย่างกระตือรือร้น

เมเดยิน (โคลอมเบีย) การพลิกฟื้นเมืองจากที่เคยขึ้นชื่อเรื่องความรุนแรงมาเป็นต้นแบบของนวัตกรรมเมือง มาจากแนวทางที่ให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง โดยสร้างและพัฒนาจากสิ่งที่มีอยู่เดิมในชุมชน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและตรงกับความต้องการของคนในพื้นที่

เส้นทางสู่อนาคตเมืองที่ดีกว่า

หลักการของ SUB สอดคล้องกับแนวคิดระดับโลกอย่างโครงการ BiodiverCities by 2030 ของ World Economic Forum ซึ่งมองว่าเมืองควรเป็นระบบนิเวศที่หมุนเวียนและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ โดย SUB จะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงได้ ด้วยการเปลี่ยนให้คนเมืองกลายเป็น "ผู้ดูแล" ธรรมชาติอย่างยั่งยืน

หลักการของ SUB ยังสอดคล้องกับเป้าหมายด้านการพัฒนาเมืองของ UN-Habitat New Urban Agendaและ Global Biodiversity Framework ซึ่งต้องการให้เมืองทั่วโลกเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2030

ทางเลือกที่เมืองต้องตัดสินใจ

ความยั่งยืนของเมืองไม่ได้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมของผู้คน เมืองที่เข้าใจและนำหลักการของ SUB มาปรับใช้จะสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่ากว่า และยังสามารถสร้างเมืองที่น่าอยู่ มีความยืดหยุ่น และมีส่วนร่วมได้มากขึ้นอีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาล แต่ต้องอาศัยความตั้งใจที่จะเริ่มต้นจากความท้าทายเล็ก ๆ และร่วมมือกับชุมชนในการเปลี่ยนแรงจูงใจเชิงพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

ที่มา : World Economic Forum