ฉีด ‘กัมมันตรังสี’ เข้า ‘นอแรด’ กลยุทธ์ดักจับ ‘แก๊งลักลอบค้าสัตว์’

ฉีด ‘กัมมันตรังสี’ เข้า ‘นอแรด’ กลยุทธ์ดักจับ ‘แก๊งลักลอบค้าสัตว์’

นักอนุรักษ์หาวิธีอนุรักษ์ “แรด” จากกลุ่มลักลอบค้าสัตว์ที่ต้องการ “นอแรด” ด้วยการฝังสารกัมมันตรังสีปริมาณเล็กน้อยลงในนอแรด

KEY

POINTS

  • นักวิจัยริเริ่มโครงการ Rhisotope เพื่อต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ โดยการฉีดสารไอโซโทปกัมมันตรังสีเข้าไปในนอแรด
  • สารกัมมันตรังสีที่ฉีดเข้าไปจะทำให้นอแรดถูกตรวจจับได้ง่ายโดยเครื่องสแกนรังสีตามสนามบินและท่าเรือทั่วโลก เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนส่ง
  • ผลการวิจัยยืนยันว่ากระบวนการนี้ปลอดภัยต่อแรด ไม่ก่อให้เกิดอันตราย และมีประสิทธิภาพในการตรวจจับนอที่ลักลอบขนส่งได้จริง

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแรนด์ ร่วมมือกับสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เปิดตัวโครงการ Rhisotope ซึ่งเป็นการต่อต้านการลักลอบล่าสัตว์ ด้วยการฉีดไอโซโทปกัมมันตรังสีเข้าไปในนอแรด โดยไม่เป็นอันตรายต่อแรด แต่สามารถตรวจพบได้โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร

หกเดือนที่แล้ว นักวิจัยได้ฝังสารกัมมันตรังสีปริมาณเล็กน้อยลงในนอแรด 20 ตัวที่อาศัยอยู่ในชีวมณฑลวอเตอร์เบิร์กของยูเนสโก ตั้งแต่นั้นมา นักวิทยาศาสตร์ได้ติดตามแรดอย่างใกล้ชิด ผลการตรวจเลือดและการตรวจสุขภาพสัตว์แสดงให้เห็นว่าไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น

“เราได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างปราศจากข้อสงสัยทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ากระบวนการนี้ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์สำหรับแรด และมีประสิทธิภาพในการทำให้สามารถตรวจจับนอแรดได้ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ” ศ.เจมส์ ลาร์กิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของโครงการกล่าว

เพื่อยืนยันความปลอดภัย นักวิจัยใช้วิธีการที่เรียกว่า การวัดปริมาณรังสีทางชีวภาพ พวกเขาเพาะเลี้ยงตัวอย่างเลือดจากแรดและมองหาสัญญาณของความเสียหายของเซลล์ในเม็ดเลือดขาว แต่ไม่พบร่องรอยใด ๆ เลย ซึ่งยืนยันว่าระดับไอโซโทปที่ใช้นั้นอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย

ฝังกัมมันตรังสีในนอแรด ฝังกัมมันตรังสีในนอแรด

วิทยาศาสตร์นิวเคลียร์เครื่องมือต่อกรกับการลักลอบล่าสัตว์

เทคโนโลยีนิวเคลียร์” มักถูกนำมาใช้ในด้านพลังงานหรือทางการแพทย์ แต่ในตอนนี้มีบทบาทใหม่ในการต่อสู้กับอาชญากรรมสัตว์ป่า นับเป็นการเปลี่ยนแปลงจากห้องปฏิบัติการไปสู่สภาพแวดล้อมที่วิทยาศาสตร์มาบรรจบกับความเร่งด่วนในโลกแห่งความเป็นจริง

“นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่านักวิจัยของมหาวิทยาลัยวิทส์ทำงานและคิดอย่างสร้างสรรค์ โดยก้าวออกจากสภาพแวดล้อมทางคลินิกของห้องปฏิบัติการเพื่อนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่กล้าหาญและสร้างสรรค์เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากลำบากที่สุดของโลก” ศ.เซบลอน วิลาคาซี รองอธิการบดีและอาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแรนด์กล่าว

แอฟริกาใต้ เป็นประเทศที่มีแรดอาศัยอยู่มากที่สุดในโลก ประมาณ 16,000 ตัว แต่เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่จำนวนแรดในประเทศนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ ที่ต้องการนอแรดไปขายในตลาดมืด โดยในแต่ละปีมีแรดถูกฆ่าเพื่อเอานอประมาณ 500 ตัว องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ได้จัดให้แรดขาวอยู่ในสถานะ “ใกล้สูญพันธุ์” ส่วนแรดดำอยู่ในสถานะ “ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง

โครงการนี้หวังที่จะลดภัยคุกคามนี้โดยทำให้ตรวจจับการลักลอบนำเข้านอแรดได้ง่ายขึ้น โดยใช้เครื่องตรวจจับรังสีมาตรฐานที่ใช้กันอยู่แล้วในสนามบินและท่าเรือทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้ใช้งานได้จริงในสภาพการณ์จริง ทีมงานได้ทดสอบว่าแตรที่ผ่านการบำบัดแล้วจะตรวจจับได้มากน้อยเพียงใดระหว่างการขนส่ง

นักวิจัยจำลองสถานการณ์การขนส่ง 3 รูปแบบ ได้แก่ ถือกระเป๋าขึ้นเครื่อง การขนส่งสินค้าทางอากาศ และระบบจัดส่งพัสดุแบบเร่งด่วน โดยบรรจุนอแรดที่พิมพ์ 3 มิติ ที่ฝังกัมมันตภาพรังสีในระดับที่ต่ำกว่าที่จะใช้ในทางปฏิบัติอย่างมาก ผลที่ได้ก็คือ เครื่องตรวจจับรังสีก็สามารถตรวจพบนอแรดได้ทุกรูปแบบ

โครงการ Rhisotope เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียนแล้ว และจะเริ่มดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 ทีมงานขอเชิญชวนกลุ่มอนุรักษ์ เจ้าของแรด และหน่วยงานภาครัฐให้เข้ามามีส่วนร่วม

“เป้าหมายของเราคือการใช้เทคโนโลยี Rhisotope อย่างกว้างขวาง เพื่อช่วยปกป้องหนึ่งในสัตว์สายพันธุ์ที่โดดเด่นและถูกคุกคามมากที่สุดของแอฟริกา การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องแรดเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องส่วนสำคัญของมรดกทางธรรมชาติของเราอีกด้วย” เจสสิกา บาบิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโครงการ Rhisotope กล่าว

โครงการนี้ได้รับความสนใจจากนานาชาติแล้ว ไม่ใช่แค่จากกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชุมชนวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ด้วย

ราฟาเอล มาริอาโน กรอสซี ผู้อำนวยการใหญ่ IAEA กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นตัวอย่างว่าวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกได้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์ที่มีอยู่ เราสามารถช่วยปกป้องหนึ่งในสัตว์สายพันธุ์ที่โดดเด่นและใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลกได้”

นอกจากการฉีดกัมมันตรังสีเข้านอแรดแล้ว นักวิจัยยังพยายามหาวิธีอื่น ๆ ในการยับยั้งการลักลอบฆ่านอแรด ไม่ว่าจะเป็นการตัดนอแรด ซึ่งจะช่วยลดการลักลอบล่าสัตว์ลง 78% และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแรด แต่ก็มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของแรด เพราะทำให้พวกมันเข้าสังคมน้อยลง ขณะที่นักอนุรักษ์บางส่วนยังเสนอวิธีให้ย้อมนอแรดและงาช้างเป็นสีชมพูสด เพื่อป้องกันการลักลอบล่าสัตว์


ที่มา: BBCEarthThe TelegraphThe Guardian