Cartier หนุนผู้หญิงสร้างธุรกิจเพื่อสังคม เกือบ 2 ทศวรรษ กิจการรอด-รายได้โต

Cartier Women’s Initiative (CWI) หนุนผู้ประกอบการหญิง ลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านธุรกิจสอดรับเป้า SDGs ตั้งแต่ปี 2006 สนับสนุนผู้ประกอบการหญิงแล้วกว่า 330 คน จาก 66 ประเทศ เป็นเงินรวมกว่า 395 ล้านบาท
KEY
POINTS
- ความเหลื่อมล้ำทางเพศ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อผู้หญิงทั่วโลก ทั้งเรื่องทุน โอกาส และบทบาทในธุรกิจ
- Cartier Women’s Initiative (CWI) หนุนผู้ประกอบการหญิง ลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านธุรกิจสอดรับเป้า SDGs
- ตั้งแต่ปี 2006 สนับสนุนผู้ประกอบการหญิงแล้วกว่า 330 คน จาก 66 ประเทศ เป็นเงินรวมกว่า 395 ล้านบาท
- ผลลัพธ์เชิงรูปธรรม: 83% ของธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้น, 54% มีกำไรเพิ่มขึ้น และ 50% ทำกำไรได้ภายในปี 2023
- ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัด CWI Awards ปี 2026
ในปัจจุบันความไม่เท่าเทียมทางเพศยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ผู้หญิงทั่วโลกต้องเผชิญ ไม่ว่าจะด้านโอกาสทางการศึกษา รายได้ การเข้าถึงแหล่งทุน หรือบทบาทในภาคธุรกิจ ผู้หญิงจำนวนมากที่มีศักยภาพกลับถูกจำกัดด้วยกรอบความคาดหวังทางสังคมและโครงสร้างที่ไม่เอื้อให้เติบโตอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างข้อมูลจาก Statista ระบุว่า แม้ผู้ประกอบการหญิงจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่องค์กรของผู้หญิงมีโอกาสได้รับการลงทุนอย่างมีนัยยะน้อยกว่าผู้ชายถึง 75%
อย่างไรก็ตาม มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งในระดับชุมชน ประเทศ และระดับโลก ผ่านการเป็นผู้ประกอบการที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการสนับสนุนของ Cartier Women’s Initiative (CWI) หนึ่งในโครงการสำคัญของ "คาร์เทียร์" เกือบ 20 ปี ที่มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงให้สามารถต่อยอดแนวคิด สร้างผลกระทบ และนำพาความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกสู่โลกใบนี้อย่างยั่งยืน
โปรแกรมเต็มรูปแบบ
“วินจี ซิน” ผู้อำนวยการโครงการระดับโลก โครงการ Cartier Women's Initiative ประจำกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เยือนประเทศไทยเพื่อให้สัมภาษณ์ถึงพันธกิจและทิศทางของโครงการ โดยกล่าวว่า เมื่อย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้น CWI เคยเป็นเพียงการมอบรางวัลเพื่อยกย่องผู้ประกอบการหญิงจากทั่วโลก แต่ตลอดเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้เติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นโปรแกรมเต็มรูปแบบที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ผู้หญิงที่ต้องการสร้างธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนสังคมอย่างแท้จริง ที่ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญที่ทำงานร่วมกันเป็นระบบ ได้แก่
- รางวัล : ยังคงเป็นหัวใจหลัก เพื่อยกย่องผลงานของผู้ประกอบการหญิง และสร้างการมองเห็นในเวทีระดับโลก
- ชุมชน : การรวมตัวกันของเหล่าผู้ประกอบการหญิงที่เคยเข้าร่วมโครงการ และเครือข่ายผู้สนับสนุนจากทั่วโลก ที่ช่วยผลักดันกันและกันให้เติบโต
- Fellowship Program: การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านทรัพยากร ความรู้ และโอกาสทางธุรกิจ ตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดเส้นทางของการเป็นผู้ประกอบการ
- ข้อมูลเชิงลึก : การสร้างองค์ความรู้ งานวิจัย และการแชร์ประสบการณ์จริงของผู้หญิงในโลกของการประกอบการเพื่อสังคม
ให้ทุนแล้วกว่า 395 ล้านบาท
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2006 โครงการนี้ได้สนับสนุนผู้ประกอบการหญิงมาแล้วกว่า 330 คน จาก 66 ประเทศทั่วโลก ผ่านการช่วยเหลือทั้งในด้านการเงิน เครือข่ายทางสังคม และการพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล รวมมูลค่าการสนับสนุนทางการเงินกว่า 12.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 395,200,000 บาท)
การสนับสนุนด้านการเงิน ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเป็นอันดับที่หนึ่งในแต่ละสาขาได้รับเงินทุน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,227,000 บาท) อันดับที่สองได้เงินทุน 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1,940,000 บาท) และอันดับที่สาม 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (969,000 บาท) โดยทุกสาขาในแต่ละภูมิภาคจะมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือก 3 อันดับ
ผู้เข้าร่วมโครงการยังได้รับโอกาสในการอบรมเชิงลึกจาก INSEAD Business School ด้านการขยายธุรกิจ พร้อมการให้คำปรึกษาแบบเฉพาะทาง การสนับสนุนด้านการสื่อสาร และการโค้ชด้านความเป็นผู้นำจาก Women's Impact Alliance
“ในปีหน้า CWI กำลังจะก้าวเข้าสู่ ปีที่ 20 หมุดหมายสำคัญที่ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมา แต่ยังเป็นโอกาสพิเศษที่จะรวมพลังของผู้ประกอบการหญิงจากทั่วโลก และเครือข่ายผู้สนับสนุนทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางใหม่ที่ดียิ่งกว่าเดิมสำหรับอนาคตของโลก”
ธุรกิจเพื่อสังคม อยู่รอด-รายได้เติบโต
"กรุงเทพธุรกิจ" ได้สำรวจรายงานของ Cartier Women’s Initiative ประจำปี 2024 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด โดยมีการสรุปผลการสำรวจผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2024 พบข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับพัฒนาการและผลกระทบของธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ CWI
ข้อมูลที่ได้ระบุว่า ธุรกิจของผู้เข้าร่วมมีความหลากหลายในรูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยแบ่งออกเป็น B2B (ธุรกิจสู่ธุรกิจ) 45%, B2B2C (ธุรกิจสู่ธุรกิจและผู้บริโภคปลายทาง) 45%, B2C/D2C (ธุรกิจ/ตรงถึงผู้บริโภค) 16%, B2G (ธุรกิจสู่ภาครัฐ) 2%, อื่นๆ (รวมถึง B2B2B หรือธุรกิจสู่ธุรกิจและส่งต่อไปยังธุรกิจอื่น) 14%
ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการกว่า 64% ยังคงดำเนินกิจการอยู่ และอีก 5.4% ได้ถูกควบรวมหรือถูกซื้อกิจการไปแล้ว
ผู้ประกอบการหญิงกับภารกิจ SDGs
ในด้านเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) รายงาน Cartier Women’s Initiative ประจำปี 2024 ระบุว่า ธุรกิจของผู้เข้าร่วมมีส่วนร่วมในหลายมิติ โดยเป้าหมายที่ได้รับความสนใจและมีบทบาทมากที่สุด ได้แก่
- SDG 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
- SDG 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ
- SDG 1 การขจัดความยากจน
- SDG 5 ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ
- SDG 7 การเข้าถึงพลังงานสะอาดอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ เกือบ 20 ปีของโครงการ CWI ไม่เพียงสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงในเชิงธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UNSDGs) ทุกข้อ
หากแบ่งเป็นภาคส่วนของธุรกิจ พบว่ามีธุรกิจ สุขภาพและการสุขาภิบาล 39%, การศึกษาและการฝึกอบรม 33%, สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม 33%, ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก 31%, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 20%, บริการทางการเงิน 16%, เกษตรกรรมและอาหาร 16%
ผู้หญิงสาย Deep Tech ยังขาดแคลน
“วินจี ซิน” บอกว่า อุตสาหกรรมหนึ่งที่ยังคงมีผู้หญิงเข้าร่วมในจำนวนจำกัด และอยากเน้นถึงเป็นพิเศษ คือกลุ่ม Science and Technology Pioneer ซึ่งเป็นรางวัลหมวดเฉพาะของ CWI ที่มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงในสาย Deep Tech หรือเทคโนโลยีขั้นสูง ที่มีเป้าหมายในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกทั้งทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
กลุ่ม Deep Tech ถือเป็นสาขาที่ผู้หญิงยังคงประสบปัญหาเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างจำกัดเมื่อเทียบกับธุรกิจทั่วไป ทั้งที่จริงแล้วหมวดนี้ถือเป็นหมวดที่ใหญ่ที่สุดของโครงการ เหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราจัดตั้งหมวดนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรหญิงที่กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ
แม้สื่อและสาธารณชนอาจมองว่าจำนวนผู้หญิงในวงการ Deep Tech ยังมีไม่มากนัก แต่ในความเป็นจริง ผู้หญิงเหล่านี้มีบทบาทสำคัญและหลายรายกำลังดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างนวัตกรรมที่ทรงพลังในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ความท้าทายของคนไทย
“วินจี ซิน” กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ Cartier Women’s Initiative ให้ความสำคัญ และในปี 2026 ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประกาศรางวัล Cartier Women’s Initiative Awards อย่างเป็นทางการ
“ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา เรามี fellow จากประเทศไทย 1 คนที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย นอกจากนี้ ยังมีกรรมการจากประเทศไทยที่ร่วมทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมตัดสินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วม CWI"
หนึ่งในความท้าทายสำคัญของผู้ประกอบการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะผู้หญิง คือ “ข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์” เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอย่างอินเดีย ซึ่งมีระบบนิเวศของผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านแหล่งทุน ขนาดประชากร และความพร้อมในการขยายผล อินเดียจึงมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับสิงคโปร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเข้มแข็ง
ในทางกลับกัน ประเทศไทยกลับมีผู้สมัครน้อย แม้จะมีผู้ประกอบการที่สร้างผลกระทบทางสังคมได้อย่างน่าประทับใจ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ไม่มีคนสมัคร แต่เป็นเรื่องของการรับรู้ และอุปสรรคด้านภาษา โครงการของเราเป็นสากลและใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด จึงอาจทำให้ผู้ประกอบการในระดับชุมชนรู้สึกว่าไม่เหมาะกับตนเอง
เพื่อขยายโอกาสและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการไทย ทีมคาร์เทียร์ประเทศไทยจึงร่วมมือกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดโครงการ Cartier Women’s Initiative Entrepreneurial Program ในประเทศไทย โดยเน้นการใช้ภาษาไทยและเนื้อหาที่สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น ซึ่งในปีนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 50 รายที่ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคม
KPI วัดความสำเร็จ
“วินจี ซิน” อธิบายว่า สำหรับธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยผลกระทบ (impact-driven businesses) คาร์เทียร์เชื่อว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับ 2 องค์ประกอบหลัก ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญที่ใช้ในการออกแบบรางวัลและโครงการ ได้แก่ ผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (impact) และ ความยั่งยืนทางการเงิน (financial sustainability)
หากพิจารณาเกณฑ์ของ CWI จะเห็นว่าให้ความสำคัญกับทั้งสองด้านนี้อย่างมาก เพราะเชื่อว่าธุรกิจเพื่อสังคมต้องสามารถเติบโตได้ด้วยตนเอง และต้องฝังการสร้างผลกระทบไว้ในแกนของโมเดลธุรกิจ ไม่ใช่เป็นแค่กิจกรรมเสริม
"การที่หนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจ มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลง เช่น การช่วยชีวิตคนจำนวนหนึ่ง ลดการปล่อยคาร์บอน หรือยกระดับสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม ผู้ประกอบการที่ออกแบบตัวชี้วัดเหล่านี้ไว้ตั้งแต่ต้น แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายเพื่อสังคมไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง และเมื่อธุรกิจเติบโต วิธีวัดผลกระทบก็จะต้องเติบโตตาม"
จากรายงานของ Cartier Women’s Initiative ประจำปี 2024 พบว่า ผู้ประกอบการกว่า 83% มีรายได้ประจำปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ 54% มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และในปี 2023 ธุรกิจของผู้เข้าร่วมถึง 50% สามารถสร้างผลกำไรได้แล้ว สะท้อนถึงการเติบโตและความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมหลังได้รับการสนับสนุนจากโครงการ
แผนงานในอนาคต
“วินจี ซิน” กล่าวว่า CWI ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
"ในปีนี้ CWI จะเริ่มรวมเอาองค์ประกอบด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าไปในโปรแกรม Fellowship ที่ทำร่วมกับ INSEAD เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทักษะที่จำเป็นในการนำ AI มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตน นอกจากนี้ เครือข่ายชุมชน CWI ซึ่งประกอบด้วยผู้สนับสนุนกว่า 500 คน ยังเป็นแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่พร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์"







