'สร้างแผนเพื่อการเปลี่ยนผ่าน' ก้าวแรกสู่ความยั่งยืน

การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ (Just Transition) จากอุตสาหกรรม "สีน้ำตาล" ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ไปสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญและท้าทายสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของเงินลงทุน

KEY

POINTS

  • การสร้าง 'แผนเพื่อการเปลี่ยนผ่าน' ที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ เป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดเงินลงทุนสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับตัวสู่ความยั่งยืน
  • 'ตราสารหนี้เพื่อการเปลี่ยนผ่าน' (Transition Bonds) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยระดมทุน โดยต้องอาศัยแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและโปร่งใสเป็นพื้นฐาน ดังกรณีศึกษาของบริษัท NYK
  • แผนการเปลี่ยนผ่านที่มีประสิทธิภาพควรประกอบด้วยการตั้งเป้าหมายลดคาร์บอนตามหลักวิทยาศาสตร์ การกำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน และการรายงานความคืบหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน

สวัสดีครับทุกวันนี้เรามักจะได้ยินคำว่า “การเปลี่ยนผ่าน” อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเป็นธุรกิจสีเขียวเสียทีเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากธุรกิจสีน้ำตาลที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง (Carbon Intensive Sector) ไปสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แนวคิดเช่นนี้ตรงกันกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่ยังมีอุตสาหกรรมสีน้ำตาลอยู่ค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่าการจะเปลี่ยนผ่านได้ต้องอาศัยการลงทุนในนวัตกรรมและการปรับรูปแบบการทำธุรกิจ ซึ่งมักมีต้นทุนที่สูง ยิ่งไปกว่านั้น การดึงดูดเงินลงทุนยังคงทำได้ยาก เพราะบริษัทจำนวนมากยังไม่ได้มีแผนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนที่มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่ต้องการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ “ชะลอ” การลงทุนไว้ก่อน

แต่ความต้องการเงินทุนไม่อาจชะลอตามไปด้วยครับ จากการประเมินของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme - UNDP) คาดว่าในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2554 ถึง พ.ศ. 2588 ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคิดเป็นมูลค่ากว่า 17,912 - 83,826 ล้านบาทต่อปี ซึ่งนี่เป็นตัวเลขสำหรับภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC) เรายังต้องใช้เงินอีกกว่า 5-7 ล้านล้านบาท เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 30-40 ภายในปี พ.ศ. 2573 เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยนะครับ เงินขนาดนี้จะหามาได้อย่างไร

คำตอบที่อาจเป็นไปได้คือ ตราสารหนี้เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน (Transition Bonds) เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้อ่านอีกหนึ่งกรณีศึกษาของบริษัท NYK ซึ่งเป็นบริษัทด้าน Logistics ทางทะเลรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่ได้ออกตราสารหนี้เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน (Transition Bonds) ครั้งที่ 4 เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 20 พันล้านเยน (ประมาณ 4.5 พันล้านบาท) เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการลดการปล่อยคาร์บอน ผ่านการจัดจำหน่ายของ Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำระดับโลก

การออกตราสารหนี้เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนของ NYK นี้ สามารถนำมาใช้เป็นกรณีศึกษาสำหรับบริษัทต่างๆ ที่กำลังมองหาแนวทางการระดมเงินลงทุนสำหรับการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งต้องออกแบบแผนเพื่อการเปลี่ยนผ่าน (Transition Plan) ที่เป็นขั้นเป็นตอนให้นักลงทุนเห็นและมั่นใจได้ว่าเงินของเขาจะไปสนับสนุนให้เปลี่ยนสีน้ำตาลเป็นสีเขียวได้อย่างไร

หากพิจารณาจากตัวอย่างของ NYK นี้ การกำหนดเส้นทางการเปลี่ยนผ่าน (Transition Pathway) มีความชัดเจนและครอบคลุมเพื่อมุ่งสู่การลดคาร์บอนในธุรกิจการเดินเรือ โดยตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์ (Science-based Target) และยังสอดคล้องกับข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) โดยในช่วงปี พ.ศ. 2563-2573 บริษัทเริ่มจากการเพิ่มประสิทธิภาพของเรือที่มีอยู่ ก่อนเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือก เช่น เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและซื้อคาร์บอนเครดิตในส่วนที่ยากต่อการลด นอกจากนี้ NYK ยังให้ความสำคัญกับความโปร่งใสของการรายงานความคืบหน้าผ่านการตรวจสอบจากองค์กรภายนอก

ดังนั้น “คนตัวใหญ่” หรือธุรกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในบ้านเรา สามารถนำแนวทางของ NYK ไปปรับใช้ในการจัดทำแผนเพื่อการเปลี่ยนผ่านได้ ผ่าน 3 แนวคิด “ตั้งเป้าหมาย-ปรับปรุงงาน-มุ่งหน้าลดคาร์บอน” เริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่สอดคล้องกับบริบทของตนเองโดยต้องดำเนินการวิเคราะห์ในด้านโอกาสและความเสี่ยงตามหลักทางวิทยาศาสตร์ พร้อมกำหนดขั้นตอนและเดินหน้าทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างไม่ลดละ ที่สำคัญต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลและรายงานความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับ “คนตัวเล็ก” เช่น SME ต่อไปครับ

แน่นอนว่าสถาบันการเงินในประเทศไทยพร้อมที่จะช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ผ่านการให้คำปรึกษาในการจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจที่น่าเชื่อถือ การออกแบบโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสม และการให้คำเสนอแนะแนวทางในการผสานฝ่ายงานด้านธุรกิจเข้ากับฝ่ายการเงินขององค์กร (Internal Alignment) เพื่อให้การขับเคลื่อนความยั่งยืนสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนและขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระยะยาว เชื่อว่าในอีกไม่นาน เราอาจจะได้เห็นการออกตราสารหนี้เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนเป็นครั้งแรกประเทศไทย โปรดรอติดตามครับ