ดร.เฉลิมชัย เดินเกม รับมือมลพิษข้ามแดนจากโรงไฟฟ้าหงสา ก่อน CBAM กระทบการค้า

ดร.เฉลิมชัย เดินเกม รับมือมลพิษข้ามแดนจากโรงไฟฟ้าหงสา ก่อน CBAM กระทบการค้า

วิสัยทัศน์เชิงรุกของ ดร. เฉลิมชัย ย้ำว่า ไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับมาตรฐานการค้าที่จะมุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดนจากโรงไฟฟ้าหงสา (สปป.ลาว)

KEY

POINTS

  • วิสัยทัศน์เชิงรุกของ ดร. เฉลิมชัย ย้ำว่า ไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับมาตรฐานการค้าที่จะมุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อม
  • ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดนจากโรงไฟฟ้าหงสา (สปป.ลาว) จุดที่ได้รับผลกระทบคือบริเวณชายแดนจังหวัดน่าน
  • สินค้าเกษตรในพื้นที่ยังไม่มีการส่งออกไป EU จึงยังไม่กระทบโดยตรงในปัจจุบัน
  • ทส. ได้ปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการปลูกป่าในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์

ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา "ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ขึ้นตอบกระทู้ถามด้วยวาจาของ พล.ต.ท. วันไชย เอกพรพิชญ์ สมาชิกวุฒิสภา

เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนจาก "โรงไฟฟ้าหงสา" ใน สปป.ลาว ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังสหภาพยุโรป (EU) จากการที่ EU เตรียมใช้มาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism - มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป ควบคุมสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อการปล่อยคาร์บอนที่สูงในปี 2026)

การชี้แจงครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งหมากสำคัญที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้วางแผนรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกอย่างรอบด้านและเป็นระบบ

ประเด็นที่ 1: หมอกควันจากหงสา

"ดร. เฉลิมชัย" ชี้ว่าแม้โรงไฟฟ้าหงสาจะตั้งอยู่นอกเขตแดนไทย แต่พื้นที่ชายแดนจังหวัดน่านโดยเฉพาะหมู่บ้านในแนวตะเข็บชายแดน ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหามลพิษดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของกระทรวงฯ พบว่า สินค้าเกษตรหลักของจังหวัดน่าน เช่น ส้มสีทองและข้าวก่ำล้านนา ที่ได้รับการรับรอง GI ยังไม่มีการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป จึงยังไม่ส่งผลกระทบทางการค้าในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ทส. โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ด้วยการติดตั้งจุดตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณชายแดน ซึ่งข้อมูลล่าสุดพบว่าสารมลพิษยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และแนวโน้มการปล่อยสารพิษลดลง

"แม้จะเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมโดยตรง แต่ไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ เรามีระบบเฝ้าระวังครบถ้วน"

ประเด็นที่ 2: CBAM – เกมใหม่การค้าโลก

สำหรับมาตรการ CBAM ซึ่งจะมีผลในปี 2026 และกำหนดให้สินค้าส่งออกไปยัง EU ต้องรายงานปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างละเอียด "ดร. เฉลิมชัย" ชี้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงประเด็นเฉพาะกิจ แต่คือ “กฎเกมใหม่” ของโลกการค้าในอนาคต

“ต้องรู้ว่ากำลังจะเจอกับอะไร” ดร. เฉลิมชัย เน้นย้ำถึงการเตรียมพร้อมเชิงกลยุทธ์

ในมุมของการเตรียมความพร้อม "ดร. เฉลิมชัย" เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เน้นการส่งออก ต่างเริ่มปรับตัวล่วงหน้าแล้ว ทั้งในเรื่องของการวัดคาร์บอนเครดิต และโครงการชดเชย เช่น การปลูกป่า ขณะที่ ทส. ทำหน้าที่เป็น "พี่เลี้ยง" ให้ความรู้และแนะแนวทางอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการปลูกป่าในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยขยายชนิดพันธุ์พืชที่สามารถปลูกและแปรรูปได้ จาก 58 ชนิด เป็นกว่า 200 ชนิด เพื่อสอดรับกับข้อกำหนดการค้าของสหภาพยุโรป และช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถมีรายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

บูรณาการทุกภาคส่วนสู่เป้าหมายร่วม

หนึ่งในจุดแข็งที่ "ดร. เฉลิมชัย" เน้นย้ำ คือการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ในสังกัด ทส.) เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงข้อมูลและให้คำแนะนำแก่ภาคธุรกิจ

การทำงานร่วมกันเช่นนี้จะช่วยให้ไทยสามารถเดินหน้ารับมือกับมาตรการสิ่งแวดล้อมระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ตกขบวนในยุคที่คาร์บอนกลายเป็นตัวแปรสำคัญของเศรษฐกิจ

ไทยต้องรุก มากกว่ารับ

การชี้แจงของ "ดร. เฉลิมชัย" ไม่ได้หยุดอยู่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่คือการวางยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันบนเวทีโลกในยุคที่ "สิ่งแวดล้อม" กลายเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ การค้า และความมั่นคงระดับชาติ

“นี่คือการวางหมากรุกที่แม่นยำ รอบด้าน และไม่ประมาท เพื่อพาไทยก้าวสู่ความยั่งยืนในเวทีโลก”