ผลประชุม 4 ข้อ ไทยร่วมเมียนมา แก้สารพิษเหมืองแรร์เอิร์ธลามแม่น้ำภาคเหนือ

ผลประชุม 4 ข้อ ไทยร่วมเมียนมา แก้สารพิษเหมืองแรร์เอิร์ธลามแม่น้ำภาคเหนือ

แม่น้ำกก ลำน้ำสาย และแม่น้ำโขง เผชิญการปนเปื้อนจากกิจกรรมเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในฝั่งเมียนมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมระดับชาติเร่งแก้ปัญหา เตรียมหารือรัฐบาลเมียนมา ปลาย ส.ค. นี้

KEY

POINTS

  • แม่น้ำกก ลำน้ำสาย และแม่น้ำโขง เผชิญการปนเปื้อนจากกิจกรรมเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในฝั่งเมียนมา
  • ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมระดับชาติเร่งแก้ปัญหา
  • กรมควบคุมมลพิษพบสารหนูเกินมาตรฐานในหลายจุดของน้ำและตะกอนดิน
  • ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
  • เดินหน้าแผนเชิงรุก ก่อสร้างระบบดักตะกอน
  • เสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในลุ่มน้ำโขง
  • เตรียมหารือรัฐบาลเมียนมา ปลาย ส.ค. นี้

แม่น้ำกกและลำน้ำสาขา แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากกิจกรรมเหมืองแร่แรร์เอิร์ธจากชายแดนเมียนมา การปนเปื้อนที่เกิดขึ้นไม่เพียงคุกคามสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพเท่านั้น แต่ยังสร้างความกังวลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำ และกระทบต่อความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำของภูมิภาคในระยะยาว

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (30 กรกฎาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ครั้งที่ 2/2568 ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับมาตรการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกกและลำน้ำสาขา แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง

นายประเสริฐ กล่าวว่า “รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ” กับปัญหาการปนเปื้อนในแหล่งน้ำสำคัญของประเทศ และได้เร่งเดินหน้าหาแนวทางแก้ไขทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ โดยมุ่งเน้นความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการจัดการที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก

ผลประชุม 4 ข้อ ไทยร่วมเมียนมา แก้สารพิษเหมืองแรร์เอิร์ธลามแม่น้ำภาคเหนือ

ทั้งนี้ ผลการประชุมมีสาระสำคัญสรุปได้ 4 ข้อ ดังนี้

1. คุณภาพน้ำและตะกอนดินทรงตัว

สถานการณ์และแนวโน้มของปัญหาการปนเปื้อนในแหล่งน้ำและตะกอนดินยังคงทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงที่ผ่านมา โดยจากผลการติดตามตรวจสอบของกรมควบคุมมลพิษ ยังคงพบค่าการปนเปื้อนของสารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดในหลายจุด อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำประปา สัตว์น้ำ พืชผลทางการเกษตร รวมถึงการตรวจปัสสาวะของประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ยังอยู่ในระดับที่ไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด

2. ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า

ที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าศูนย์ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทำหน้าที่ประสานงานระหว่างจังหวัดกับส่วนกลางให้สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที ทั้งในด้านการเฝ้าระวัง การให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง

3. ก่อสร้างระบบดักตะกอน

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาเชิงรุก ได้มีการเร่งรัดให้ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างระบบดักตะกอน ตามแนวทางการใช้กลไกธรรมชาติช่วยในกระบวนการตกตะกอน (Nature-Based Solution: NBS) โดยมีเป้าหมายเพื่อเริ่มการก่อสร้างในช่วงต้นฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2568 การก่อสร้างฝายดักตะกอนนี้นอกจากจะมุ่งลดการปนเปื้อนของสารในแหล่งน้ำและตะกอนดินแล้ว ยังจะมีการนำแบบการออกแบบไปเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่อาจได้รับผลกระทบในพื้นที่ก่อน และคาดว่าจะเสนอแบบก่อสร้างดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568

4. ความร่วมมือระหว่างประเทศ

ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ได้แก่ ไทย สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการติดตามและตรวจสอบคุณภาพน้ำร่วมกัน (Joint Water Quality Monitoring) พร้อมทั้งลงพื้นที่ร่วมกันที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาค โดยมีองค์กรระหว่างประเทศที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม

ผลประชุม 4 ข้อ ไทยร่วมเมียนมา แก้สารพิษเหมืองแรร์เอิร์ธลามแม่น้ำภาคเหนือ

ไทย-เมียนมา หารือครั้งแรก กรุงเนปยีดอ

นอกจากนี้ นายประเสริฐฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเตรียมจัดตั้งคณะสำรวจร่วมระหว่างไทยและเมียนมา เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูลและหาแนวทางในการป้องกันและบรรเทาปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำ โดยจะมีคณะกรรมาธิการลุ่มน้ำโขง (Mekong River Commission – MRC) เข้าร่วมเป็นภาคีสำคัญในการดำเนินการดังกล่าว

ทั้งนี้ ไทยและเมียนมาได้จัดการหารือระหว่างผู้เชี่ยวชาญของทั้งสองประเทศเป็นครั้งแรก ณ กรุงเนปยีดอ ประเทศเมียนมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นระบบ และเห็นพ้องร่วมกันว่าการสำรวจพื้นที่ร่วมกัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ตรงกัน

ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการวางแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมและตรงจุด
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การดำเนินการมีความชัดเจนและมีแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น กระทรวงการต่างประเทศได้กำหนดนัดหมายให้ตนเดินทางไปหารือกับรัฐบาลเมียนมาอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 นี้