‘สิงคโปร์’ ตั้งเป้า ‘รีไซเคิล’ กระดาษ-อาหารเพิ่มขึ้น แม้จะมีขยะลดลง

สิงคโปร์มีขยะน้อยลง แต่ยังคงตั้งเป้ารีไซเคิลขยะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขยะอาหาร พลาสติก และกระดาษ หลังหลุมฝังกลบใกล้เต็ม
KEY
POINTS
- ปี 2024 สิงคโปร์มีปริมาณขยะลดลง โดยขยะจากบ้านเรือนและศูนย์อาหารลดลงมากกว่า 20% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
- เนื่องจากขยะในสิงคโปร์ลดลงและขยะส่วนใหญ่ก็ถูกรีไซเคิลไปแล้ว ทำให้ในปี 2024 จึงเกิดการรีไซเคิลน้อยลงเหลือเพียง 50%
- อัตราการรีไซเคิลกระดาษลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือเพียง 32% ในปี 2024 ทั้งที่ในปีที่ผ่านมา สิงคโปร์สร้างขยะกระดาษมากที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
ปี 2024 สิงคโปร์มีปริมาณขยะลดลง โดยขยะจากบ้านเรือนและศูนย์อาหารลดลงมากกว่า 20% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนอัตราการรีไซเคิลของประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษที่ 50% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขยะในภาคการก่อสร้างและการรื้อถอนที่ลดลง ตามสถิติล่าสุดที่เผยแพร่โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (NEA)
โดยเฉลี่ยแล้ว ประชากรหนึ่งคนสร้างขยะในครัวเรือนประมาณ 0.85 กิโลกรัมต่อวัน ลดลงจาก 0.88 กิโลกรัมในปี 2023 ขยะในครัวเรือนถูกเก็บรวบรวมจากครัวเรือนและสถานที่ประกอบการค้า เช่น อาคารพาณิชย์ สถาบันการศึกษา และศูนย์อาหาร
ขณะที่ ขยะที่ถูกผลิตขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ลดลงจากประมาณ 25 ตันในปี 2023 เหลือประมาณ 23 ตันในปี 2024
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์มีขยะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยขยะในครัวเรือนต่อหัวประชากรต่อวันลดลงมากกว่า 20% และขยะจากโรงงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์ลดลงมากกว่า 30%
ดร.จานิล ปุธุเชียรี รัฐมนตรีอาวุโสด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าทั้งชาวสิงคโปร์และภาคธุรกิจกำลังพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้น ในการยอมรับแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน ผ่านผลกระทบสะสมจากการลดการใช้ การใช้ซ้ำ และการรีไซเคิล” เขากล่าว
อัตราการรีไซเคิลต่ำสุดในรอบ 10 ปี
สำนักงานนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (NEA) ระบุว่า เนื่องจากขยะลดลงและขยะส่วนใหญ่ก็ถูกรีไซเคิลไปแล้ว ทำให้ในปี 2024 จึงเกิดการรีไซเคิลน้อยลงเหลือเพียง 50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี การลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของขยะจากการก่อสร้างและการรื้อถอน รวมถึงตะกรันใช้แล้ว โดยปริมาณลดลง 44% และ 69% ตามลำดับ
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีขยะจากการก่อสร้างและรื้อถอนน้อยลง ในทำนองเดียวกัน กิจกรรมการถลุงเหล็กก็ลดลงเช่นกัน ส่งผลให้มีการผลิตตะกรันที่ใช้แล้วน้อยลง
นอกจากนี้ หน่วยงานยังรายงานว่าปริมาณขยะไม้รีไซเคิลลดลง 49,000 ตัน ซึ่งเป็นผลมาจากการโรงงานชีวมวลแห่งหนึ่งถูกปิด และอีกแห่งกำลังบำรุงรักษา ส่งผลให้ความสามารถในการแปรรูปขยะไม้ในระยะสั้นของสิงคโปร์ลดลง
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ อัตราการรีไซเคิลกระดาษลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือเพียง 32% ในปี 2024 ทั้งที่ในปีที่ผ่านมา สิงคโปร์สร้างขยะดังกล่าว 1.27 ล้านตัน มากที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมา จากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ
NEA ระบุว่าสาเหตุที่คนไม่ค่อยรีไซเคิลกระดาษเนื่องจาก ต้นทุนการจัดเก็บที่สูงขึ้น จากการขาดแคลนกำลังคน ต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น ต้นทุนค่าขนส่งและค่าระวางที่สูงขึ้น ตลอดจนราคารับซื้อที่ผันผวน
หาทางรีไซเคิลเพิ่ม
สิงคโปร์ตั้งเป้าที่จะเพิ่มอัตราการรีไซเคิลโดยรวมเป็น 70% ภายในปี 2030 ตามแผนแม่บทขยะเหลือศูนย์ของประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้ NEA กำลังเร่งดำเนินการใน 3 กระแสหลัก ได้แก่ อาหาร กระดาษ และพลาสติก เนื่องจากขยะเหล่านี้ไม่ได้รับการรีไซเคิลที่มีมากที่สุด
อัตราการรีไซเคิลขยะอาหารเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2557 เป็น 18% ในปี 2024 และตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 เป็นต้นมา ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ก่อให้เกิดขยะอาหารทั้งในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต้องคัดแยก บำบัด และรายงานขยะอาหาร โดยกฎระเบียบเหล่านี้จะขยายไปยังผู้ประกอบการรายเดิม ในปี 2570 ที่โครงการจัดการขยะแบบบูรณาการแล้วเสร็จ
ปัจจุบัน สิงคโปร์มีโรงงานกำจัดขยะทั่วไปที่ได้รับอนุญาตประมาณ 80 แห่ง แต่สำหรับจัดการขยะกระดาษกระดาษแข็ง สิงคโปร์จะนำกระดาษไปอัดเป็นก้อนและส่งออกไปต่างประเทศ เนื่องจากไม่มีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษในประเทศ
เพื่อแก้ปัญหาขยะกระดาษที่มากับพัสดุ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานจัดการขยะแห่งชาติสนับสนุนการพัฒนาแนวทางปฏิบัติสำหรับบรรจุภัณฑ์อีคอมเมิร์ซที่ยั่งยืน เพื่อลดขยะและส่งเสริมการรีไซเคิลกระดาษ
อีกแนวทางหนึ่งที่กำลังศึกษาอยู่คือ การใช้กรงโลหะสำหรับรวบรวมกล่องกระดาษใช้แล้ว โดยจะตั้งไว้ตามพื้นที่พักอาศัย และหากนำไปปฏิบัติจริง กรงเหล่านี้จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานอีกรูปแบบหนึ่งในการคัดแยกขยะรีไซเคิลของสิงคโปร์ แทนที่จะไปรวมทั้งหมดไว้ในถังขยะรีไซเคิลเพียงอย่างเดียว
NEA ระบุว่าปัญหาการปนเปื้อนในถังขยะรีไซเคิลส่วนกลางยังคงเป็นความท้าทาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนสูงถึง 40% เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สำนักงานกำลังดำเนินโครงการที่มุ่งเน้น เช่น โครงการคืนบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ที่จะเปิดตัวในปี 2026 เพื่อรวบรวมขยะรีไซเคิลให้สะอาดยิ่งขึ้น โดยผู้บริโภคที่นำภาชนะเครื่องดื่มเปล่ามาคืนจะได้รับเงินมัดจำคืน 10 เซ็นต์
ด้วยพื้นที่ที่จำกัดของสิงคโปร์ และคาดว่าหลุมฝังกลบแห่งเดียวของประเทศจะเต็มภายในปี 2035 ทำให้รัฐจำเป็นต้องบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการลดปริมาณขยะและนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุด และรีไซเคิลเพื่อนำขยะกลับมาเป็นทรัพยากร
ดร.ปุธูเชียรี แนะนำว่าประชาชนควรมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องด้วยกิจกรรมง่าย ๆ เช่น ระมัดระวังปริมาณอาหารที่ซื้อและปรุง หลีกเลี่ยงการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และแยกขยะให้ถูกประเภท
ที่มา: Channel News Asia, The Straitstimes







