'รองนายกฯ พิชัย' ขึ้นเวที GCNT Expo 2025 ชี้ ภาครัฐมีการบ้านใหญ่ ดันไทยยั่งยืน

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เน้นบทบาทภาครัฐในการสนับสนุน SDGs ผ่านนโยบาย กฎหมาย และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
KEY
POINTS
- “พิชัย ชุณหวชิร” ขึ้นกล่าวเปิดงาน เน้นบทบาทภาครัฐในการสนับสนุน SDGs ผ่านนโยบาย กฎหมาย และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
- ภาวะวิกฤตระดับโลกคือจุดเปลี่ยนสำคัญ งานนี้เน้นการตอบรับต่อวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีที่ทวีความซับซ้อน
- รัฐจะกำหนดเพดานการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรม พร้อมระบบรางวัล-ลงโทษ และคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชย
พิธีเปิดงาน “GCNT Expo 2025: Forward SDGs Faster Together – รวมพลังเร่งสร้างโลกที่ยั่งยืน” จัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 6,000 คนจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และเยาวชนจากทั่วประเทศ มาร่วมแสดงพลังความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเร่งขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ให้เกิดผลอย่างรวดเร็วและรอบด้าน
งานครั้งนี้นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงบทบาทของภาคธุรกิจไทยในเวทีโลกด้านความยั่งยืน พร้อมจุดประกายการเปลี่ยนแปลงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของมวลมนุษยชาติ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ระดับโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ที่กำลังทวีความรุนแรงและซับซ้อนยิ่งขึ้น
ความท้าทายในการอยู่รอด
“พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเยาวชน ซึ่งงาน GCNT Expo 2025 จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเรียนรู้และนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น
“มนุษย์เริ่มตระหนักถึงความท้าทายในการอยู่รอดอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของมลพิษ ความสะอาดของน้ำ สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน ท่านรองนายกฯ ชี้ให้เห็นว่า ปี ค.ศ. 2000 เป็นปีที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นปีที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นถึง 6,000 ล้านคน โดยคาดการณ์ว่าในปี 2025 ประชากรโลกจะใกล้ 8,000 ล้านคน ในขณะที่ทรัพยากรบนโลกยังคงเท่าเดิม ซึ่งนำมาสู่ความจำเป็นของการรวมตัวกันเพื่อความยั่งยืน”
เป้าหมาย 17 ข้อ
สหประชาชาติ ที่มีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันเพื่อบรรลุ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ทั้ง 17 หัวข้อ ปัจจุบันมีองค์กรกว่า 20,000 แห่ง จาก 100 กว่าประเทศให้ความร่วมมือ สำหรับประเทศไทย เริ่มต้นจากผู้ก่อตั้ง 13 แห่ง และปัจจุบันมีบริษัทเข้าร่วมประมาณ 160 บริษัท ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่
แม้จะมีความร่วมมือมากมาย แต่จากผลการวัดในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา โลกเราบรรลุเป้าหมาย SDGs ได้เพียง 18% เท่านั้น ซึ่งถือว่าดำเนินไปอย่างช้า อย่างไรก็ตาม ท่านเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนนั้นต้องอาศัยกระบวนการทำความเข้าใจ วางพื้นฐาน และสร้างความคุ้นเคยก่อนจะนำไปสู่การปฏิบัติ ท่านมีความหวังว่าโลกจะสามารถเข้าใกล้เป้าหมายปี 2030 ได้มากที่สุด และจะสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
“แม้โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและ AI ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ภาคการผลิตของมนุษย์ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น การลดปัญหามลพิษต่างๆ โดยเฉพาะภาวะโลกร้อน จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง”
"การบ้าน" ภาครัฐ
“พิชัย” กล่าวถึงบทบาทของภาครัฐว่ามี "การบ้าน" จำนวนมากในการส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจมีความยั่งยืน รวมถึงการแก้ไขนโยบายและกฎหมายให้มีความสอดคล้อง สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะหากขาดความเข้าใจและความสามารถของบุคลากรแล้ว การขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยจะมีนโยบายกำหนดปริมาณการปล่อยสำหรับภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งมี
"รางวัล" สำหรับผู้ที่ทำได้ดี และ "บทลงโทษ" สำหรับผู้ที่ทำไม่ได้ รวมถึงการนำระบบ คาร์บอนเครดิต มาใช้ในการชดเชย
ในตอนท้าย "พิชัย" แสดงความเชื่อมั่นว่า การเริ่มต้นจากงานในวันนี้ จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย 17 ข้อของ SDGs ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างสันติภาพและสังคมที่สงบสุขให้กับโลกใบนี้ และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง






