จาก 'พระรอด' สู่ 'พารอด' แผ่นดินไหวเป็นจุดเริ่มต้น นกหวีดพุทธศิลป์รักษ์โลก

ล่าสุด "พารอด" นกหวีดพระเครื่อง ใช้ Eco Green ABS แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหว สื่อถึงความหวังและพลังใจในยามวิกฤติ ได้รับรางวัล Design Excellence Award (DEmark) 2025
KEY
POINTS
- ผลิตภัณฑ์ของ Qualy มากกว่า 400 รายการ เน้นใช้วัสดุ รีไซเคิล หรือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ล่าสุด "พารอด" นกหวีดพระเครื่อง ใช้ Eco Green ABS แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหว สื่อถึงความหวังและพลังใจในยามวิกฤติ
- ได้รับรางวัล Design Excellence Award (DEmark) 2025
- ผลิตภัณฑ์พระอีกรุ่นหนึ่ง “พระสติ” ผลิตจาก ขยะพลาสติกรีไซเคิลโดยตรง สื่อสารแนวคิดเรื่อง "การเวียนว่ายตายเกิดของทรัพยากร"
“ถ้าเราอยู่ในอุตสาหกรรมพลาสติก เรากำลังเป็นผู้สร้างหรือผู้ทำลายกันแน่?” จากคำถามนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ควอลี่ (Qualy) ภายใต้ บริษัท นิว อาไรวา จำกัด ทำการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยเขาบอกกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ได้ตัดสินใจเลิกทำ OEM ที่เป็นธุรกิจโรงงานผลิตชิ้นส่วนพลาสติกทั่วไปของครอบครัว แล้วหันมาทำแบรนด์ของตัวเอง
เพราะต้องการใช้ความสามารถด้านการคิดสร้างสรรค์และการผลิต มาทดลองเปลี่ยน “ขยะพลาสติก” ให้มีมูลค่า ที่ไม่ใช่แค่ผลิตของเพื่อขาย แต่ผลิตเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกด้วย จึงเกิดเป็นแนวคิด Circular Design ของแบรนด์
ปรัชญาการทำธุรกิจ
“ธีรชัย” หรือ “ไจ๋” เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เน้น เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "กรุงเทพธุรกิจ" เกี่ยวกับความท้าทายทางธุรกิจ และปรัชญาเบื้องหลังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Qualy ที่นำเสนอแนวคิด "พลังแห่งศรัทธา" ผสมผสานกับการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
โดยเล่าว่า เริ่มต้นทำแบรนด์ควอลี่ประมาณปี ค.ศ. 2004 และในวันนี้มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 400 รายการ ทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิดการออกแบบเพื่อความยั่งยืน ส่วนใหญ่เป็นวัสดุรีไซเคิล หรือถ้าไม่สามารถใช้วัสดุรีไซเคิลได้ เช่น กรณีที่ต้องสัมผัสอาหารโดยตรง ก็จะใช้วัสดุทางเลือกที่มีคุณสมบัติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น food-grade หรือ green material แทน เพื่อรักษาแนวทางด้านความยั่งยืนไว้เสมอ
ความท้าทายจากเศรษฐกิจหมุนเวียน
“ธีรชัย” บอกว่า เมื่อหันมาทำแบรนด์ที่เน้นที่เน้นเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ความท้าทายก็เกิดขึ้นหลายด้าน เช่น
1. ทีมงานและวิธีคิดใหม่: แค่ “คิด” ว่าจะใช้ขยะมาผลิตก็รู้สึกยากแล้ว ยิ่งพอเริ่มลงมือจริง ต้องให้ทีมยอมรับ ต้องเปลี่ยนวิธีทำงานตั้งแต่ต้น และในตอนนั้นกระแส Circular Economy ยังไม่บูม คนยังต่อต้านการใช้พลาสติกมากกว่าจะเข้าใจเรื่องรีไซเคิล
2. การจัดหาวัตถุดิบ: จากที่เคยสั่งเม็ดพลาสติกใหม่ ก็ต้องหาวิธีเอาขยะพลาสติกมาใช้แทน ซึ่งมันไม่เหมือนกัน ขยะที่ได้มีความหลากหลายและไม่เสถียร ทั้งสี วัสดุ หมึกพิมพ์ ฯลฯ ต้องคัดแยกและวางแผนใหม่หมด
3. ความเสถียรในการผลิตและการออกแบบ: ไม่สามารถออกแบบก่อนแล้วค่อยหาวัตถุดิบตามแบบได้อีกต่อไป ต้องออกแบบตามสิ่งที่มี เช่น ถ้าได้วัสดุสีเขียว ก็ต้องคิดว่าจะผลิตอะไรจากมัน แบบนี้ทำให้กระบวนการออกแบบยากขึ้นมาก
4. การสื่อสารกับผู้บริโภค: ถ้าสินค้ารีไซเคิลดูไม่ต่างจากสินค้าปกติ คนอาจไม่รู้ว่ามันรักษ์โลกแค่ไหน จึงต้องสื่อสารเพิ่มเติม ว่าทำไมมันมีคุณค่า และเพิ่มความโปร่งใส เช่น เปิดโรงงานให้ดู กระบวนการทั้งหมดต้องตรวจสอบได้ ไม่ใช่แค่คำโฆษณา
5. การตอบโจทย์ตลาด: บางครั้งออกแบบให้รีไซเคิลง่าย แต่ผู้บริโภคอาจไม่ได้เลือกสินค้าด้วยเหตุผลนี้ ก็ยังต้องทำ เพราะมันคือการพัฒนา แม้จะไม่ใช่จุดขายโดยตรงก็ตาม
จาก “พระรอด” สู่ “พารอด”
“ธีรชัย” กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่าง "พารอด" (PAROD) ซึ่งมีชื่อล้อมาจาก "พระรอด" ว่า ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ “แผ่นดินไหว” เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ที่สร้างความสับสนและตื่นตระหนกให้กับผู้คนในประเทศไทย จนทำให้เริ่มฉุกคิดว่า หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนั้นขึ้นอีก เราจะมีเครื่องมืออะไรช่วยชีวิตได้บ้าง?
“สิ่งที่เราพบว่ามีประโยชน์คือ ‘นกหวีด’ ที่สามารถใช้เรียกขอความช่วยเหลือหรือส่งสัญญาณในสถานการณ์ภัยพิบัติ หรืออุบัติเหตุ เช่น ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง แต่ต้องการผสานแนวคิดเรื่องความคุ้มครองกับความปลอดภัยไว้ด้วยกัน"
ดังนั้น จึงทำนกหวีดด้วยเทคนิคการออกแบบให้ด้านหน้าเป็น “พระเครื่อง” พร้อมออกแบบ typography design คำว่า “ROD = รอด” ที่อ่านได้ 2 ภาษาในคำเดียวที่สามารถนิยามได้ว่า
- P = Portable
- A = Awareness
- R = Rescue
- O = Optimism
- D = Defense
“ธีรชัย” กล่าวด้วยว่า ในภาวะวิกฤติ ความสามารถในการควบคุมสติและอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การมีสิ่งที่ช่วยเตือนใจและยึดโยงความคิดจะช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น
พุทธศิลป์สมัยทวารวดี
หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อ “พระรอด” ในฐานะพระเครื่องสายแคล้วคลาด ปลอดภัย แต่เมื่อทีม Qualy ออกแบบ “นกหวีดพารอด” กลับพบว่าความหมายของพระรอดไม่ได้หยุดอยู่แค่พุทธคุณ หากยังเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางศิลปะ วัฒนธรรม และความเชื่ออันลึกซึ้ง
พระรอดเป็นพุทธศิลป์สมัยทวารวดีที่มีอายุกว่า 1,300 ปี ปรากฏที่วัดมหาวัน จังหวัดลำพูน ถือเป็นหนึ่งในพระเครื่องชุดเบญจภาคีอันเลื่องชื่อ ด้วยตำนานแห่งความคงกระพันและแคล้วคลาด โดยเล่ากันว่า สุกกทันต์ฤาษี และวาสุเทพฤาษีร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ พระนางจามเทวี ผู้ครองนครหริภุญชัย
สืบทอดความศรัทธา ผ่านพิธีปลุกเสก
พระรอดในพุทธศิลป์ทวารวดีมักเป็น 'ปางมารวิชัย' ประทับนั่งขัดเพชรบนฐานบัว ซุ้มด้านหลังโอบด้วยใบโพธิ์ Qualy จึงได้นำเส้นสายและอัตลักษณ์เหล่านั้น มาดีไซน์ในสไตล์มินิมอลร่วมสมัย โดยลดทอนรายละเอียดให้เรียบง่าย และเชื่อมโยงกับแนวคิด “รักษ์โลก” ผ่านซุ้มใบโพธิ์ที่เปรียบเหมือนใบไม้แห่งชีวิตใหม่
ทั้งนี้ เนื้อพระรอดแท้ๆ เผาแล้วได้ 4 สีหลัก คือ
- ขาว – เผาไม่สุก เนื้อฟู
- แดง – เผาสุกพอดี ขนาดเล็กลง
- เหลือง – เผานานขึ้น คมชัดขึ้น
- เขียว – เผานานสุด ขนาดเล็กสุด
“พระรอดของจริงเล็กมาก แค่ 2.3–3.5 เซนติเมตร แต่เราทำพารอดใหญ่ขึ้น เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและผลิตจริง ทั้งยังมีให้เลือก 7 สีมงคลประจำวันเกิดตามความเชื่อ โดยเฉดสีมีการปรับตามความเหมาะสมของคุณสมบัติวัสดุ Eco Green ABS"
เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ และกุศโลบายการห้อยพระเครื่องอย่างยั่งยืนและทันสมัย "พารอด" จึงได้ผ่านพิธีปลุกเสกตามขนบประเพณีจากวัดที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ใกล้โรงงาน Qualy) เพื่อความเป็นสิริมงคลตามวิถีปฏบัติ ราคาชิ้นละ 200 บาท
วัสดุปลอดภัย ยั่งยืน เชื่อมโยงกับชุมชน
สำหรับวัสดุที่ใช้ในการผลิต "พารอด" นั้นไม่ได้ใช้วัสดุที่ทำมาจากขยะรีไซเคิล เหมือนสินค้าตัวอื่นๆ แต่เลือกใช้วัสดุเกรดอาหาร (Food Grade) เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสปาก ปลอดภัยและรีไซเคิลได้ 100%
โดยวัสดุที่ใช้คือ Eco Green ABS ที่มีส่วนผสมของน้ำยางพาราธรรมชาติที่มาจากชุมชนท้องถิ่น เก็บจากต้นยางด้วยกระบวนการที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดการใช้สารเคมีบางส่วน และเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับสินค้า
นอกจากนั้น "พารอด" ยังได้รับรางวัล Design Excellence Award (DEmark : ดีมาก) ประจำปี 2025 ซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่ด้านการออกแบบของประเทศไทย โดยนักออกแบบจากทั่วประเทศส่งผลงานเข้าประกวดในหลากหลายสาขา ทั้งผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การคัดเลือกเป็นไปอย่างเข้มข้น และผู้ที่ได้รับรางวัลถือว่าเป็นที่ยอมรับในวงการออกแบบโดยแท้จริง และ Qualy มีแผนจะส่งไปประกวดต่อที่งาน Good Design Award ที่ญี่ปุ่นด้วย
“เรากำลังเตรียมเดินทางไปประมาณเดือนหน้า เพื่อร่วมส่งผลงานเข้าประกวด Good Design Award ที่ญี่ปุ่น โดยผลงานที่ผ่านมา หลายๆ ชิ้นของ Qualy ก็เคยได้รับรางวัลจากญี่ปุ่นเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่น่าภาคภูมิใจและเป็นโอกาสในการสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์ไปสู่เวทีระดับโลก”
"พระสติ" พระเครื่องจากขยะพลาสติก
นอกจากพารอดแล้ว “ธีรชัย” ยังกล่าวถึงผลิตภัณฑ์พระอีกรุ่นหนึ่งที่ทำออกมาก่อนหน้าพารอด ในช่วงปี 2022 นั่นคือ "พระสติ" ซึ่งทำมาจาก "มวลสาร" ขยะพลาสติกรีไซเคิลที่หลากหลาย เช่น ขวดน้ำ ถุงพลาสติก แกลลอน หรือแม้แต่ถุงขนม เพื่อแสดงให้เห็นว่าวัสดุเหล่านี้ยังคงมีคุณค่าและสามารถรีไซเคิลได้ โดยเน้นการนำเสนอแนวคิดเรื่อง "การเวียนว่ายตายเกิดของทรัพยากร" หรือวงจรชีวิตของวัตถุดิบพลาสติก
“พลาสติกที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน แม้จะใช้งานเพียงช่วงสั้นๆ เช่น แก้วน้ำหรือขวดน้ำ แต่กระบวนการผลิตตั้งแต่การขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติจนกลายมาเป็นเม็ดพลาสติกนั้นมีการปล่อยคาร์บอนและใช้พลังงานมหาศาล ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างมลภาวะสูงสุดตลอดวงจรชีวิต ดังนั้น หากเราไม่จำเป็นต้องผลิตของใหม่ ก็จะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ทันทีเกินครึ่ง”
แนวคิดของพระสติจึงมุ่งผลักดันให้ผู้คนมีสติในการบริโภค เช่น การไม่ซื้อหากไม่จำเป็น หรือหากจำเป็นต้องใช้ ก็ให้มีสติในการทิ้งอย่างเหมาะสม เพื่อส่งต่อให้พลาสติกเหล่านั้นได้ "เกิดใหม่" ในชาติใหม่
ที่มาวัตถุดิบพลาสติกรีไซเคิล
สำหรับวัสดุขยะพลาสติกที่นำมารีไซเคิลในบริษัท “ธีรชัย” กล่าวว่า มองภาพรวมของการใช้ขยะพลาสติกรีไซเคิลให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งในประเทศไทยอัตราการรีไซเคิลพลาสติกยังถือว่าต่ำมาก จากของที่ถูกทิ้งทั้งหมด มีพลาสติกไม่ถึง 10% ที่ได้รับการจัดเก็บและนำกลับมาใช้ใหม่
ช่องทางหลักของ Qualy ในการจัดหา ได้แก่
- การซื้อพลาสติกบางประเภทจากตลาดรีไซเคิล เช่น ขวด PET จะถูกจัดเก็บและนำมาขายต่อ แต่ก็จำกัดเฉพาะบางชนิดเท่านั้น
- การร่วมมือกับองค์กรรณรงค์หลายองค์กร เช่น NGO หรือกลุ่มภาคประชาชน ที่มีโครงการเก็บพลาสติกกำพร้า ซึ่งเป็นพลาสติกที่โรงงานรีไซเคิลทั่วไปไม่รับ เช่น ฝาขวด ถุงขนม หรือพลาสติกหลากชนิดที่ปนกัน Qualy ก็จะเข้าไปร่วมมือด้วย คือเข้าไปช่วยซื้อมาใช้ในกระบวนการออกแบบ
- การเข้าร่วมโครงการจัดเก็บขยะจากแหล่งธรรมชาติ เช่น อวนตกปลา รากแห หรือพลาสติกจากแหล่งน้ำและชายฝั่ง ซึ่งมีความหลากหลายและเป็นของที่ไม่มีคนต้องการ Qualy ก็ไปร่วมสนับสนุนการจัดเก็บ แล้วนำมาใช้ใหม่
- เปิดรับพลาสติกสะอาดจากผู้บริโภคโดยตรง Qualy เชิญชวนให้ผู้บริโภคส่งขยะพลาสติกสะอาดมาที่บริษัท ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการผลิตได้โดยไม่ต้องผ่านการคัดแยกยุ่งยาก เพราะดีไซน์ตามวัสดุที่ได้มา ไม่ได้ตั้งสเปควัตถุดิบตายตัวไว้ก่อน ทำให้รับขยะจากหลากหลายแหล่งได้จริง
ช่องทางเหล่านี้ช่วยสร้างมูลค่าจากสิ่งที่เคยไร้ค่า พร้อมเปิดโอกาสให้คนทั่วไปมีส่วนร่วมกับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับที่จับต้องได้
ความยั่งยืนไม่ควรลดทอนความคาดหวังของผู้บริโภค
“ธีรชัย” กล่าวต่อว่า แม้ผลิตภัณฑ์ของ Qualy จะมุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมและการรีไซเคิล แต่คุณภาพ ความสวยงาม และประสิทธิภาพในการใช้งานยังคงเป็นหัวใจหลัก เพราะบริษัทเชื่อว่าความยั่งยืนไม่ควรแลกด้วยการลดทอนความคาดหวังของผู้บริโภค
“สิ่งที่เราเสริมเข้ามาคือการสื่อสารให้ชัดเจนว่า ‘สิ่งนี้ดีต่อโลกอย่างไร’ พร้อมสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะเราไม่ใช่แบรนด์ที่ผลิตตามเทรนด์ แต่เป็นทีมออกแบบที่เชื่อในพลังของนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนตลาดอย่างมีจุดยืน”
ส่วนเรื่องกลุ่มลูกค้าหลักนั้น เดิมที Qualy ส่งออกไปต่างประเทศเป็นหลัก เพราะลูกค้าในประเทศที่พัฒนาแล้วมักจะมีความเข้าใจและให้ความสำคัญกับดีไซน์และศิลปะมากกว่า แต่ช่วงหลังมานี้ ตลาดไทยก็เริ่มโตขึ้น และเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรหรือ B2B ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมากกว่าผู้บริโภคทั่วไป เพราะหลายองค์กรถูกกำหนดหรือผลักดันให้ดำเนินงานตามกรอบ ESG และ Sustainable Development อย่างจริงจัง
บางครั้ง Qualy สามารถเข้าไปมีบทบาทมากกว่าการเป็นผู้ขายสินค้า เช่น ช่วยเก็บขยะจากองค์กรนั้นๆ แล้วนำมาออกแบบเป็นของใช้เฉพาะสำหรับพวกเขา เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ มากกว่าการกำจัดไปโดยไม่รู้ว่าไปเป็นอะไรต่อ
แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะผันผวน แต่ยอดขายของ Qualy ค่อนข้างเสถียร เพราะเป็นตัวเลือกที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวและมีลูกค้าที่สนใจในกลุ่มธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ลูกค้าสามารถเข้าไปพูดคุยกับทีมงาน เห็นวัสดุตัวอย่าง หรือเข้าใจแนวคิดผ่านการสื่อสารโดยตรงได้ ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้บริโภคเข้าถึงแนวคิดเบื้องหลังอย่างโปร่งใส เป็นมากกว่าแค่ “การขายสินค้า”
ต้นทุนความรับผิดชอบ ทางสิ่งแวดล้อม
เมื่อถูกถามว่า ของรีไซเคิลหรือสินค้ารักษ์โลกจำเป็นต้องราคาแพงเสมอไปหรือไม่? “ธีรชัย” สะท้อนมุมมองว่า ของที่แพงไม่จำเป็นต้องเป็นของกรีน และของกรีนก็ไม่ได้จำเป็นต้องแพง แต่เมื่อของเป็น ‘กรีน’ ผู้คนกลับตั้งคำถามกับราคาทันที ทั้งๆ ที่ของลักชัวรีหรือสินค้าตามกระแสอื่นๆ ก็มีราคาสูงเช่นกัน
“ราคาที่สูงขึ้นของสินค้ากรีนหรือสินค้ารักษ์โลก มักเกิดจากต้นทุนที่มองไม่เห็น เช่น การรับผิดชอบต่อมลภาวะ การบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ และแรงงานที่เพิ่มขึ้นในการจัดการวัสดุที่หลากหลาย หากทุกบริษัทต้องจ่าย ‘ต้นทุนความรับผิดชอบ’ นี้เหมือนกัน ราคาของกรีนโปรดักต์ก็อาจไม่สูงกว่าสินค้าทั่วไปเลย เพียงแต่ปัจจุบันระบบยังไม่สะท้อนต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมทั้งหมดเท่านั้นเอง”
ภาพประกอบ : Qualy







