เปิดโร้ดแมป 'Data' ขับเคลื่อนไทย รับมือสภาพภูมิอากาศแปรปรวน

เปิดโร้ดแมป 'Data' ขับเคลื่อนไทย รับมือสภาพภูมิอากาศแปรปรวน

"ข้อมูล" คือกุญแจสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ย้ำชัดถึงบทบาทของ Data ใน 5 มิติหลัก ทั้งการประเมินความเสี่ยง ติดตามงบประมาณ และหนุนการมีส่วนร่วม

KEY

POINTS

  • ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ เพื่อวางแผนรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีการริเริ่มพัฒนา "climate data portal" เพื่อรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงานให้เป็นศูนย์กลางแบบ One Stop Service สำหรับการวิจัยและวางแผนนโยบาย
  • โร้ดแมปการใช้ข้อมูลครอบคลุม 5 ด้านหลัก ได้แก่ การประเมินความเสี่ยง, การวิจัย, การติดตามงบประมาณเพื่อการปรับตัว, การสร้างการมีส่วนร่วม และการติดตามประเมินผล

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้น เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัยหรือภัยแล้ง รายงานจาก IMF ชี้ว่าภัยพิบัติเหล่านี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยสูงถึง 0.57% ของ GDP และคาดการณ์ว่าหากไม่มีมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกที่เข้มข้น อุณหภูมิอาจพุ่งสูงขึ้น 2-4 องศาในช่วงปลายศตวรรษนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ GDP ของประเทศให้ขยายตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

"Data" หัวใจสำคัญสู่การปรับตัว

ดร. กรรณิการ์ ธรรมพานิชวงค์ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัย สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ กล่าว กล่าวในงาน CLIMATE FINANCE TRACKER Uncovering Thailand's Flows ว่า "ถ้า Magic word  ตัวนึง ก็ ก็คือเรื่อง data เนี่ย ล่ะค่ะ" การมีข้อมูลที่ถูกต้อง ครอบคลุม และเข้าถึงได้ คือหัวใจสำคัญในการวางแผนและปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โดยสามารถสรุปบทบาทของข้อมูลใน 5 ด้านหลัก ได้แก่

  • การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง: ข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบต่ออุณหภูมิและเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในประเทศไทย แม้ปัจจุบันจะมีการเก็บข้อมูลจากหลายหน่วยงาน แต่ยังขาดแพลตฟอร์ม "One Stop Service" ซึ่งสถาบันป๋วยฯ กำลังริเริ่มพัฒนา "climate data portal" หรือ "climate data catalog" เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึง
  • การวิจัยและประเมินความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ (Climate Risk Research): การวิจัยที่อาศัยข้อมูลเชิงลึกเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบโดยตรง สถาบันป๋วยฯ พยายามรวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของ Climate Risk ต่อภาคการเงินและเศรษฐกิจมหภาค เพื่อสังเคราะห์ความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ
  • การติดตามการจัดสรรงบประมาณเพื่อการปรับตัว: เมื่อประเมินความเสี่ยงได้แล้ว การจัดสรรและติดตามงบประมาณเพื่อการปรับตัวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง กรมโลกร้อนได้รวบรวมแนวทางการปรับตัวที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการจัดการน้ำและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ IMF และ UNESCAP ประเมินว่าประเทศไทยต้องการเงินลงทุนภาครัฐและเอกชนรวมประมาณ 1.1-1.2% ของ GDP เพื่อสนับสนุนการดำเนินการปรับตัว ในส่วนนี้ "Adaptation Finance Tracker" ของ CFN ร่วมกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วยฯ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการติดตามเม็ดเงินลงทุนที่ได้มีการจัดสรรไปแล้วกว่า 148,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2020-2024 โดยภาครัฐยังคงเป็นผู้เล่นหลัก
  • การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Engagement): ข้อมูลช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินมาตรการลดความเสี่ยง องค์กรที่มี Climate Data สามารถตอบสนองต่อแนวทางลดความเสี่ยงได้ และข้อมูล Adaptation Finance Data ช่วยระบุช่องว่างทางการเงินที่องค์กรอื่น ๆ สามารถเข้ามาสนับสนุนได้
  • การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง (Monitoring and Evaluation): การปรับตัวเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องมีการทบทวนและติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การใช้งบประมาณ (Input) ผลลัพธ์ของโครงการ (Output) ประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยง (Outcome) ไปจนถึงผลกระทบที่แท้จริง (Impact) ของการดำเนินงาน ข้อมูลจึงเป็นหัวใจสำคัญในการบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้

วิกฤตการณ์ "น้ำ" กับความท้าทายที่รอการแก้ไข

ปัญหาภัยพิบัติทางน้ำ ทั้ง "น้ำท่วม น้ำแล้ง และปัญหาน้ำเสีย" ได้กลายเป็นเรื่องปกติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายเร่งด่วนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่บางครั้งมีน้ำน้อยเกินไปและบางครั้งมีน้ำมากเกินไป ยิ่งตอกย้ำถึงความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการบริหารจัดการน้ำกับการเงินในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 "ข้อมูล" ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถก้าวผ่านความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบูรณาการข้อมูล การวิจัย และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย