สค. 'มุ่งเสริมศักยภาพสตรี-ครอบครัว' ปลดล็อกโอกาสสู่ความยั่งยืนทางสังคม

กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายและกิจกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบาง พร้อมชวนภาคเอกชนร่วมสร้างสังคมที่เสมอภาคและยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนโอกาสในการสร้างอาชีพและรายได้
KEY
POINTS
- กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพสตรี ครอบครัว และกลุ่มเปราะบาง เพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและสร้างความเข้มแข็งทางสังคม
- สค. ดำเนินการขจัดการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานผ่าน "คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ" เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการประกอบอาชีพ
- มีมาตรการส่งเสริมอาชีพผ่านศูนย์ฝึกอาชีพ 12 แห่งทั่วประเทศ และสนับสนุนแหล่งเงินทุนกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนต่างๆ เพื่อสร้างรายได้และความมั่นคง
- สค. เชิญชวนภาคเอกชนร่วมมือสร้างความยั่งยืน โดยการสนับสนุนทุน อุปกรณ์ และจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มอาชีพที่ผ่านการฝึกอบรม
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตอกย้ำถึงภารกิจสำคัญในการดูแลและพัฒนาศักยภาพสตรีและครอบครัว รวมถึงกลุ่มเปราะบางอื่นๆ เช่น เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และคนพิการ โดยมุ่งเน้นการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิความเสมอภาคระหว่างเพศอย่างแท้จริง
เบญจมาศ แก่เมือง รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กล่าวในงาน 'Delta ESG Forum' ถึงบทบาทและทิศทางการดำเนินงานของ สค. ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW), แผนปฏิบัติการปรับเปลี่ยนเพื่อความก้าวหน้าของสตรี, เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 5 และรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยมีเป้าหมายหลักคือ ความเข้มแข็งของครอบครัว และ การส่งเสริมสิทธิสตรี รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
การขจัดอุปสรรคและส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียม
สค. ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ทำงาน โดยมี "คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ" ภายใต้พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ เพื่อให้ทุกคนไม่ว่าจะเพศใด ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมในการประกอบอาชีพทั้งภาครัฐและเอกชน
นอกจากนี้ สค. ยังดูแลกลุ่มเปราะบางหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุที่ติดบ้านติดเตียง และสตรีรวมถึงครอบครัวที่มีรายได้ไม่เพียงพอ โดยตระหนักดีว่ากลุ่มคนเหล่านี้เผชิญกับข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและทรัพยากร ซึ่งยิ่งทำให้พวกเขาเปราะบางมากยิ่งขึ้นในโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเศรษฐกิจคาร์บอน
พลังแห่งการพัฒนา ฝึกอาชีพ สร้างรายได้ และกองทุนสนับสนุน
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สค. มีมาตรการและกิจกรรมหลักที่สำคัญ ได้แก่ การฝึกอาชีพ โดยมีศูนย์ฝึกอาชีพ 12 แห่งทั่วประเทศ ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้ามาฝึกอบรมและพักอาศัยฟรีจนจบหลักสูตร เช่น การนวดแผนไทย นอกจากนี้ ยังมีการฝึกอาชีพในชุมชนเพื่อรวมกลุ่มประกอบอาชีพหลังจบหลักสูตร
ยิ่งไปกว่านั้น ภาครัฐยังได้จัดตั้ง กองทุนผู้สูงอายุ และ กองทุนคนพิการ เพื่อให้เงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยสำหรับประกอบอาชีพ ช่วยให้กลุ่มเปราะบางมีทุนรอนในการเริ่มต้นสร้างรายได้และพึ่งพาตนเองได้
ชวนภาคเอกชนร่วมสร้างความยั่งยืนทางสังคม
ท่านรองอธิบดีได้เน้นย้ำถึงบทบาทของภาคเอกชนในการร่วมมือเพื่อสร้างความยั่งยืนทางสังคม โดยเสนอแนะแนวทางที่สามารถทำได้ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง ดังนี้
- สำรวจความต้องการของพนักงาน: บริษัทสามารถสำรวจความต้องการของพนักงานที่กำลังจะเกษียณหรือ early retire เพื่อค้นหาศักยภาพและจัดหาอาชีพเสริมหรือช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตในถิ่นฐานเดิมได้อย่างมั่นคง
- สนับสนุนทุนประกอบอาชีพหรืออุปกรณ์: สค. ยินดีรับการสนับสนุนทั้งในรูปแบบของการระดมทุนหรือวัสดุอุปกรณ์ เพื่อมอบให้กับผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมได้นำไปใช้เริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กในชุมชนของตนเอง
- จัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้า: การจัดหาสถานที่จำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มอาชีพที่ผ่านการฝึกอบรมจาก สค. จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสร้างความมั่นคงในอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับพวกเขา
การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สค. มุ่งมั่นที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและเชื่อมโยงภาคีเครือข่าย เพื่อให้สตรีและครอบครัว ตลอดจนกลุ่มเปราะบางทุกคน มีโอกาสเข้าถึงสิทธิ ได้รับการพัฒนา และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน







