‘วัว’ ผลิต ‘นม’ ลดน้อยลง ผลกระทบจากความเครียด-อากาศร้อน

การศึกษาวิจัยใหม่เผยว่าความร้อนสูงทำให้ผลผลิตนมลดลง แม้ว่าจะใช้ระบบทำความเย็นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
KEY
POINTS
- ความเครียดจากอากาศร้อนส่งผลให้แม่วัวผลิตน้ำนมลดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจลดลงถึง 10% ภายในวันเดียว และผลกระทบอาจคงอยู่นานนับสัปดาห์
- แม้จะมีการนำเทคโนโลยีทำความเย็นมาใช้ เช่น พัดลมหรือระบบพ่นน้ำ แต่สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบได้เพียงบางส่วน และประสิทธิภาพจะลดลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
- การศึกษาคาดการณ์ว่าผู้ผลิตนมรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างอินเดีย ปากีสถาน และบราซิล จะเผชิญกับการสูญเสียผลผลิตน้ำนมอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
- ผลกระทบจากความร้อนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปริมาณน้ำนม แต่ยังส่งผลเสียต่อสวัสดิภาพโดยรวมของวัว ตั้งแต่ระบบสืบพันธุ์ไปจนถึงความสามารถในการอยู่รอด
อากาศร้อนจัดเพียงวันเดียวสามารถลดการผลิตน้ำนมได้ 10% และผลกระทบจากความเครียดของจากความร้อนจะยังคงอยู่กับแม่วัวได้นานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ตามข้อมูลจากการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances
“อิสราเอล” ถือเป็นประเทศผู้ผลิตนมที่มีนวัตกรรมใหม่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้าช่วย จนทำให้วัวสามารถผลิตนมได้ในปริมาณมาก แต่ในปัจจุบันอากาศที่ร้อนขึ้นส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำนมวัว แม้จะมีการนำพัดลม ระบบระบายอากาศ และระบบพ่นน้ำมาใช้ แต่ช่วยได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
“แม้แต่ฟาร์มที่มีเทคโนโลยีสูงที่สุดและมีทรัพยากรมากที่สุด ก็ยังแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไม่ได้” ไอยัล แฟรงค์ ผู้เขียนร่วมกล่าว
ทีมวิจัยติดตามวัวมากกว่า 130,000 ตัวเป็นเวลา 12 ปี โดยใช้บันทึกสภาพอากาศโดยละเอียดและการสำรวจฟาร์ม พบว่าปริมาณน้ำนมที่วัวผลิตได้จะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อดัชนีอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ หรือ WBGT (Wet Bulb Globe Temperature) อยู่ที่ 26 องศาเซลเซียส แสดงให้เห็นว่า ความเครียดจากความร้อนส่งผลกระทบกับแม่วัว หากวัวอยู่ภายใต้อากาศร้อนติดต่อกัน 10 วัน ผลผลิตน้ำนมที่ได้จะลดลงถึง 26% ซึ่งต้องใช้เวลาฟื้นตัวจากอากาศร้อนนานถึง 10 วัน กว่าที่ปริมาณน้ำนมจะกลับมาเป็นปรกติ
ฟาร์มเกือบทั้งหมดในการศึกษาวิจัยได้ลงทุนด้านระบบทำความเย็นอย่างน้อยหนึ่งประเภท แต่ระบบดังกล่าวก็พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเพียงบางส่วนเท่านั้น หากดัชนีอุณหภูมิ WBGT อยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส ระบบทำความเย็นจะช่วยลดการสูญเสียได้ 50% หากอุณหภูมิ 24 องศาเซลเซียสตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 40%
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่าการติดตั้งอุปกรณ์ทำความเย็นนั้นคุ้มค่า เนื่องจากเกษตรกรสามารถคืนทุนจากการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวได้ภายในเวลาประมาณ 18 เดือนเท่านั้น
นักวิจัยใช้ข้อมูลของอิสราเอลเป็นเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อสร้างแบบจำลองการสูญเสียในอนาคตในประเทศผู้ผลิตนมรายใหญ่ 10 อันดับแรกของโลก หากไม่มีระบบทำความเย็น ปริมาณน้ำนมเฉลี่ยต่อวันอาจลดลง 4% ภายในกลางศตวรรษที่ 21
ผู้ผลิตนม 3 ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน และบราซิล จะผลิตน้ำนมได้ลดลงมากกว่าอิสราเอล โดยวัวแต่ละตัวจะให้นมลดลงระหว่าง 3.5-4% ต่อวัน และต่อให้มีภาวะอากาศเย็นลง ผู้ผลิตรายใหญ่ 5 ราย (รวมถึงสหรัฐและจีน) ยังคงประสบปัญหาการสูญเสียผลผลิตระหว่าง 1.5-2.7% ต่อวัวต่อวัน
สภาพอากาศร้อนจะยิ่งทำให้เกษตรกรและผู้ผลิตที่มีรายได้น้อยมีค่าใช้จ่ายในการปรับตัวอาจสูงเกินกว่าจะรับไหว
“การปรับตัวมีต้นทุนสูง และเกษตรกรจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างรายได้กับต้นทุนอย่างรอบคอบ นี่คือเหตุผลที่เราเห็นการลงทุนในมาตรการระบายความร้อนบ้าง แต่กลับไม่มีการป้องกันวัวจากสภาพแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปที่จะนำมาใช้” อายาล คิมฮี รองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮิบรูแห่งเยรูซาเล็ม กล่าว
อย่างไรก็ตาม นมวัวไม่ใช่ปัญหาเดียวที่เกษตรกรต้องกังวล ความเครียดจากความร้อนส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพและพฤติกรรมของสัตว์ในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระบบการเจริญพันธุ์ไปจนถึงความสามารถในการอยู่รอดของพวกมัน
สภาพอากาศที่รุนแรงไม่ใช่ภัยคุกคามที่ห่างไกลสำหรับเกษตรกรอีกต่อไป ปัจจุบันเกษตรกรกำลังต่อสู้กับน้ำท่วม คลื่นความร้อน และฝนตกที่คาดเดาไม่ได้บ่อยครั้งขึ้น แม้ว่าวัวจะมีความเสี่ยงที่ได้รับอันตรายจากความร้อนรุนแรง แต่ประเทศส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับการสูญเสียปศุสัตว์หรือช่วยเหลือเกษตรกรที่มีความเสี่ยงมากที่สุดอย่างเพียงพอ ตามที่ผู้เขียนรายงานการศึกษาระบุ
ดังนั้น เกษตรกรในพื้นที่ชนบทของยุโรป จึงสนับสนุนนโยบายสีเขียว โดยอ้างถึงผลกระทบที่พวกเขาได้รับจากการใช้ชีวิตประจำวันและผลผลิตที่ลดน้อยลง และระบุว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ นักวิจัยเตือนว่าการผลิตนมในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นเรื่องปรกติ ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยระบบทำความเย็นที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการปฏิรูปในหลายด้านด้วย ตั้งแต่สวัสดิการสัตว์ที่ดีขึ้น ไปจนถึงการสนับสนุนนโยบายที่ช่วยให้เกษตรกรในภูมิภาคที่มีรายได้น้อยและอากาศร้อนสามารถปรับตัวได้
“ผู้กำหนดนโยบายควรพิจารณาใช้กลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อไม่เพียงแต่ทำให้วัวเย็นลงเท่านั้น แต่ยังต้องลดปัจจัยกดดันทำให้วัวไวต่อความร้อนมากขึ้นและมีภูมิต้านทานน้อยลง เช่น การกักขังและแยกลูกวัวด้วย” แคลร์ พาลานดรี ผู้เขียนหลักกล่าว
หากไม่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะไม่เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูกของเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เรากินและดื่มได้อีกด้วย
ที่มา: Discover Magazine, Earth, Euro News, The Guardian







