แนวคิดพักแรมบนต้นไม้ ยับยั้งการทำลายป่า ยกเลิกสัมปทาน

ประเด็นใหญ่ที่แทบไม่เป็นข่าวในช่วง 2 เดือนมานี้ ได้แก่ มีคนขึ้นไปสร้างเพิงค้างแรมบนต้นไม้ริมทางลากซุงกลางป่าใหญ่ในรัฐวอชิงตัน
เพิงนั้นมีพื้นเป็นกระดานสี่เหลี่ยมแผ่นใหญ่ห้อยไว้กับต้นไม้สูงจากพื้นดินราว 25 เมตรแล้วโยงลงมาผูกไว้กับกองไม้ขนาดใหญ่ที่มีผู้จงใจทำขึ้นขวางทางเพื่อมิให้ใครเข้าไปรบกวนผู้ค้างแรม ถ้าใครเข้าไปรื้อกองไม้ใหญ่นั้น เพิงอาจพังลงมาทำให้ผู้อยู่ในนั้นตายได้
รัฐเป็นเจ้าของป่าและได้มอบสัมปทานการตัดต้นไม้ให้แก่เอกชน ซึ่งกำลังสร้างทางสำหรับขนซุงออกมา ผู้ไปสร้างเพิง ได้แก่ กลุ่มอนุรักษ์ป่าและรักษาระบบนิเวศ เป้าหมายของพวกเขาคือ การยกเลิกสัมปทานเพื่อรักษาป่าไม้ไว้ดังเดิม
ความพยายามป้องกันการตัดต้นไม้โดยใช้วิธีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้มีมานานและไม่จำกัดอยู่ที่การป้องกันมิให้ต้นไม้ในป่าถูกตัดเท่านั้น ข้อมูลบ่งว่า ครั้งแรกที่ผู้ต่อต้านการตัดต้นไม้โดยใช้แนวคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2512 โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยในรัฐเท็กซัสหลายคนขึ้นไปนั่งอยู่บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ในเมืองหลายต้น ซึ่งกำลังจะถูกโค่นเพื่อสร้างถนนและสนามกีฬา
การกระทำของพวกเขาไม่บรรลุเป้าหมาย แต่แนวคิดนั้นขยายออกไปอย่างรวดเร็วถึงแคนาดา สหราชอาณาจักร สวีเดน เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
การใช้วิธีนั่งบนต้นไม้ในสหรัฐมักเกี่ยวกับการไม่ยอมให้ตัดต้นไม้ในป่าที่มีอยู่ดั้งเดิม ป่าเหล่านั้นมีบทบาทสำคัญหลายอย่างทั้งด้านการป้องกันพื้นดินถล่ม การเปลี่ยนแปลงในการหมุนเวียนของน้ำในสภาพต่าง ๆ รวมทั้งการดูดซับน้ำฝนไว้และการเอื้อให้ฝนตกตรงตามฤดูกาลพร้อมกับรักษาไว้ซึ่งความหลากหลายในธรรมชาติ สภาพพื้นที่ของต้นน้ำให้อยู่ในแนวที่มีน้ำให้ชุมชนใช้ได้อย่างเพียงพอ และพืชที่มีค่าทางทำยารักษาโรค
หลังจากภาวะโลกร้อนปรากฏชัดขึ้นจนเป็นที่ตระหนักของหลายฝ่าย เราจึงรู้ว่าป่าและต้นไม้มีบทบาทสำคัญในการดูดซับและเก็บก๊าซเรือนกระจกไว้ในลำต้นด้วย
อันที่จริงพื้นที่ป่าที่ผู้ประท้วงไปทำเพิงค้างแรมดังกล่าวเคยมีการตัดต้นไม้ไปใช้ครั้งหนึ่งเมื่อเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา ต้นไม้ในป่าปัจจุบันอายุราว 80 ปี อย่างไรก็ดี ลำต้นขนาดใหญ่ของมันเก็บก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าป่าปลูกใหม่ ผู้ประท้วงจึงมองว่าควรรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพปัจจุบัน
เพิงบนต้นไม้ดังกล่าวสร้างขึ้นมาได้ก่อนที่จะมีใครรู้ เพราะอยู่ลึกเข้าไปในป่าที่มีทางให้รถยนต์ขนไม้เข้าออก เมื่อภาครัฐรู้ก็ส่งตำรวจเข้าไปหาทางนำผู้ค้างแรมในเพิงออกมา ปรากฏว่าทำไม่ได้เนื่องจากจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการปีนต้นไม้ ซึ่งตำรวจไม่มี
นอกจากนั้น การปีนขึ้นไปอาจทำให้เชือกที่ผูกโยงไว้ขาด ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ หรือล้มตายได้ หลังจากเข้าไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้ค้างแรมยอมลงมาอยู่นาน ตำรวจก็เปลี่ยนใจ ไม่กลับเข้าไปในป่านั้นอีก
อย่างไรก็ดี ทางผู้ถือสัมปทานไม่ยอมแพ้ จึงส่งพนักงานเข้าไปพยายามทำให้ผู้ประท้วงลงมาโดยสมัครใจ แต่ไม่ได้ผลจนถึงในตอนกลางดึกของคืนที่ 40 จึงมีรถยนต์ลึกลับขับเข้าไปจอดตรงกองไม้ที่ผู้ประท้วงใช้เป็นเครื่องกีดขวางและขึงเชือกไปยังเพิงบนต้นไม้
คืนนั้นมีการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนถึงขั้นผู้ที่เข้าไปชักปืนออกมาขู่ว่าจะฆ่าผู้อยู่บนต้นไม้ แต่ทำเพียงยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วใช้เชือกผูกกับท่อนไม้ในกองที่ขวางทางลากออกไปทำให้เพิงตกลงมาบ้าง การกระทำนั้นได้ผลมากเนื่องจากผู้ที่พักแรมอยู่ในเพิงและผู้สนับสนุนหายไปในคืนนั้น
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ไม่น่าจะจบแค่นั้นเนื่องจากชาวเมืองในพื้นที่ออกมาสนับสนุนผู้ประท้วงอย่างแข็งขัน และผู้ดูแลป่าของรัฐวอชิงตันสัญญาว่าจะไม่ให้สัมปทานชนิดเดียวกันเพิ่มขึ้น
ส่วนสัมปทานที่อ้างถึงยังไม่มีการตัดต้นไม้ จึงมีโอกาสยกเลิกได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมองได้ว่า ผู้ประท้วงได้บรรลุเป้าหมายไปบางส่วนแล้ว.







