TESTA เตือน พลังงานสะอาดต้องปลอดภัย แบตเตอรี่ความจุสูงอาจเป็นภัยต่อชุมชน

โลกเข้าสู่จุดเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ โดยอุณหภูมิอาจเกิน 2°C ภายในไม่กี่ปี หากไม่มีมาตรการเร่งด่วน การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน เป็นหัวใจสำคัญของการลดคาร์บอนและบรรลุเป้าหมาย Net Zero
KEY
POINTS
- โลกเข้าสู่จุดเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ โดยอุณหภูมิอาจเกิน 2°C ภายในไม่กี่ปี หากไม่มีมาตรการเร่งด่วน
- การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เป็นหัวใจสำคัญของการลดคาร์บอนและบรรลุเป้าหมาย Net Zero
- ระบบกักเก็บพลังงานมีบทบาทหลากหลาย ตั้งแต่การปรับสมดุลกริด, การจัดการสายส่ง, การใช้งานใน EV และไมโครกริด ไปจนถึงระบบ Vehicle-to-Grid (V2G)
- สมาคมไทยเป็นผู้ก่อตั้ง ร่วมมือกับ 10 ประเทศอาเซียน เพื่อพัฒนาความปลอดภัยและความรู้ด้านระบบกักเก็บพลังงานในระดับภูมิภาค
ในงาน ASIA Sustainable Energy Week 2025 (ASEW) ภายใต้แนวคิด “Empowering Digital Transformation in Sustainable Energy Towards Net Zero” ที่จัดโดย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ เช่น กระทรวงพลังงาน และสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) ระหว่างวันที่ 2–4 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) มีเป้าหมายยกระดับเวทีนี้สู่ระดับเอเชีย เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมพลังงานสะอาดของภูมิภาค
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025 "ดร. พิมพา ลิ้มทองกุล" นายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (Thailand Energy Storage Technology Association : TESTA) ได้ขึ้นเวที บรรยายหัวข้อ “Accelerating Net Zero: Digital Innovation and Safety in Energy Storage for Sustainable Future” โดยย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานดิจิทัล และบทบาทของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในยุค Net Zero โดยชี้ว่า “ระบบกักเก็บพลังงาน” ไม่ใช่เพียงตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนในการรับมือกับวิกฤตพลังงานและสภาพภูมิอากาศ
โลกต้องเร่งลดอุณหภูมิ ก่อนถึงจุดวิกฤติ
ดร. พิมพา อ้างถึงข้อมูลจากยุโรปที่อุณหภูมิพุ่งสูงแตะ 38 องศาเซลเซียสที่หอไอเฟล พร้อมระบุว่าโลกได้บรรลุขีดจำกัด 1.5 องศาเซลเซียสแล้ว และอาจขยับไปแตะ 2 องศาภายในไม่กี่ปีข้างหน้า หากไม่มีมาตรการจัดการอย่างจริงจัง โดยระบุว่าเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 คือแนวทางสำคัญในการป้องกันหายนะจากภาวะโลกร้อน
พลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บคือหัวใจ
รายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดว่า ภายในปี 2025 แหล่งพลังงานหลักของโลกจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งต้องอาศัย “ระบบกักเก็บพลังงาน” เพื่อเชื่อมโยงการผลิตและการใช้งาน ระบบกักเก็บพลังงานมีความสำคัญต่อการลดการปล่อยคาร์บอน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวมีบทบาทในหลายภาคส่วน เช่น การบริหารกริดไฟฟ้า การเก็บพลังงานระดับชุมชน หรือการเสริมกำลังไฟให้กับอาคารผ่านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยเทคโนโลยี Vehicle-to-Grid (V2G)
ทิศทาง Net Zero ของไทย : ชัดเจนและท้าทาย
ทิศทาง Net Zero ของประเทศไทยและบทบาทของระบบกักเก็บพลังงาน ตามแผน Net Zero ของประเทศไทยที่จัดทำโดยกระทรวงพลังงานและองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก มีเป้าหมายสู่ Net Zero ภายในปี 2065 แผนนี้รวมถึงการใช้งานระบบกักเก็บพลังงานในหลายส่วน เช่น
- นโยบาย EV30@30 ภายในปี 2030
- เป้าหมาย 69% ของรถยนต์ใหม่เป็น EV ภายในปี 2035
- สัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 50% ภายในปี 2050
- แผน PDP ใหม่ ที่บรรจุระบบกักเก็บพลังงานไว้เป็นหัวใจหลัก
ดร. พิมพา ย้ำว่าแม้ไฟฟ้าดับเพียง 5 วินาทีในสเปน ก็แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบพลังงาน ดังนั้นระบบกักเก็บพลังงานจึงเป็น “เทคโนโลยีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
ดิจิทัล-ความปลอดภัย-ความยั่งยืน
ความท้าทายและการพัฒนา แม้จะมีการเติบโตสูงถึง 6 เท่าในไม่กี่ปีข้างหน้า แต่คำถามสำคัญคือ "จะทำให้ยั่งยืนได้อย่างไร?"
"ดร. พิมพา" ชี้ว่าการผลิตที่ยั่งยืนหมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดของเสีย, การใช้ประโยชน์จากวัสดุ พลังงาน และทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด, และการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน
ซึ่งการใช้ระบบดิจิทัล สามารถช่วยได้อย่างมาก การลดของเสียจากการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเริ่มต้นจากเกือบ 90% ในช่วงแรก และยังคงมี 8-9% ในปีที่ห้า สามารถทำได้ผ่านการตรวจสอบไฟฟ้าในสายการผลิต, การใช้เซ็นเซอร์, การทำให้เป็นอัตโนมัติ, การตรวจสอบ, และการวัดผล
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้การเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไฟฟ้า เช่น การเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) อัจฉริยะ เพื่อจัดการโหลด ความต้องการ และการผลิตพลังงาน รวมถึงการจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management) เพื่อปรับสมดุลการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน
ภัยพิบัติต่อชุมชน
"ดร. พิมพา" กล่าวว่า ด้วยการที่เทคโนโลยีมีราคาถูกลงและมีการติดตั้งในหลายสถานที่ โดยตู้คอนเทนเนอร์แบตเตอรี่ขนาด 20 ฟุต สามารถกักเก็บพลังงานได้เพิ่มขึ้นจาก 1-2 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) เป็น 5-6 เมกะวัตต์ชั่วโมง ทำให้มีพลังงานจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ขนาดเล็ก ซึ่งหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับชุมชนได้
ดังนั้น ความปลอดภัยจึงเป็นกุญแจสำคัญ สู่การนำระบบกักเก็บพลังงานมาใช้เพื่อเป้าหมายพลังงานสะอาดและ Net Zero มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น มาตรฐานของจีน GB 38031-2025 ที่กำหนดว่าจะต้องไม่มีไฟไหม้ การระเบิด หรือควันจากการปล่อยแบตเตอรี่เมื่อมีการชาร์จเกิน ช็อตเซอร์กิต หรือคายประจุ การตรวจสอบอัจฉริยะ, การใช้เซ็นเซอร์, การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ยังเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการสุขภาพของแบตเตอรี่ใน EV หรือระบบกักเก็บพลังงาน (ESS)
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเคมีแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยขึ้น เช่น แบตเตอรี่โซเดียมไอออนและแบตเตอรี่โซลิดสเตท รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์และสารเคมีดับเพลิงที่ปลอดภัยภายในชุดแบตเตอรี่
เครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน
เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัย สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทยได้จัดตั้ง “เครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน” (ASEAN Battery Safety Network) ในปีนี้ โดยมีสมาชิกจากทั้ง 10 ประเทศในอาเซียน มุ่งเสริมสร้างมาตรฐานความปลอดภัย การวิจัย และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน เพื่อการใช้และผลิตแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานที่ปลอดภัยและยั่งยืนในระดับภูมิภาค






