ททท. ยึด ESG ดึง บจ. พัฒนาท่องเที่ยวชุมชน 5 จังหวัด เคียงคู่ เที่ยวไทยคนละครึ่ง

โครงการ “Village to the World” ปีที่ 4 เน้นธีม Sustainable Agenda มุ่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนจากราว 20% เป็น 30% ของรายได้รวมท่องเที่ยว สอดรับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่ส่งเสริมเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง
KEY
POINTS
- โครงการ “Village to the World” ปีที่ 4 โดย ททท. เน้นธีม Sustainable Agenda
- มุ่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนจากราว 20% เป็น 30% ของรายได้รวมท่องเที่ยว
- มีการจับคู่ 7 องค์กร กับชุมชนใน 5 จังหวัด แต่ละคู่มีโครงการเฉพาะ
- สอดรับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่ส่งเสริมให้ผู้เดินทางเลือกเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง สร้างโอกาสเติบโตให้ชุมชนในเมืองรองควบคู่ไปกับเมืองหลัก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สานต่อโครงการ "Village to the World” ปีที่ 4 โดยธีมปีนี้โฟกัสที่ Sustainable Agenda เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง ‘บริษัทจดทะเบียน’ (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ และชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ ตามแนวคิด “ESG Partnership for Impact” ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สะท้อนถึงคุณค่าการดำเนินธุรกิจที่เคารพต่อโลก ใส่ใจผู้คน และบริหารจัดการอย่างโปร่งใส
SDGs เชื่อมโยงการท่องเที่ยว
“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากมองชุมชนเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยว เราจะเห็นแค่จุดหมายปลายทาง แต่ถ้ามองชุมชนเป็นจุดเริ่มต้นของความยั่งยืน เราจะเห็นมิติที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่ง ททท. ได้เล็งเห็นศักยภาพของชุมชนในมิติเหล่านี้มาโดยตลอดจึงได้ปรับบทบาทเข้าสู่การเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวที่สร้างความยั่งยืนให้กับภูมิภาค ตามแนวทางของ Sustainable Development Goals (SDGs) หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations : UN)
“ททท. ได้นำบริบทของ SDGs มาเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว กลายเป็น Sustainable Tourism Goals (STG) โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และให้ความสำคัญกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ดังนั้น โครงการ "Village to the World Sustainable Agenda" ล่าสุดนี้จึงเป็นวาระที่สำคัญมาก
จับคู่ ภาคธุรกิจ–ชุมชน พัฒนาโครงการ
การพัฒนาโครงการและเป้าหมาย โครงการ "Village to the World" ในปีนี้ ซึ่งเป็นซีซันที่ 4 แตกต่างจากซีซันแรกที่เน้นเรื่อง CSR outing ในปีนี้ โครงการเป็นการออกแบบระบบความร่วมมือเชิงนิเวศระหว่างภาคธุรกิจ ภาคตลาดทุน และชุมชน เป้าหมายที่ชัดเจนคือการร่วมสร้างสินค้าและบริการการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริม ESG ชุมชนทุกคนจะต้องเข้าใจว่า ESG เป็นเรื่องสำคัญ
ปีนี้จึงมีการจับคู่ 7 องค์กร และชุมชนใน 5 จังหวัด เพื่อพร้อมพัฒนาไปด้วยกัน (Co-Creation) เชื่อมโยงวิสัยทัศน์ของภาคธุรกิจกับจุดแข็งของแต่ละชุมชน เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ ESG ของทั้งสองฝ่าย โดยยึดแนวคิด Shared Value และ Impact Investment เป็นหลัก โดยความร่วมมือระหว่างบริษัทและชุมชน ได้แก่
- กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ร่วมพัฒนาชุมชนท่ามะโอ และชุมชนปงสนุก จ.ลำปาง เพื่อออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวโดยชุมชน พร้อมส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลวัฒนธรรมตามแนวทาง UNESCO Culture | 2030 Indicators
- บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) และ โรงแรม MELIÁ Hotels & Resorts Pattaya ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนเปลี่ยนขยะให้เป็นประโยชน์ รักษ์ทะเลเสน่ห์บ้านอำเภอ จ.ชลบุรี โดยเน้นการพัฒนาการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมเชิงสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
- บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) พัฒนาชุมชนแม่สูนน้อย และชุมชนดอยเวียง จ.เชียงใหม่ เสริมสร้างทักษะดิจิทัลเพื่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และความปลอดภัยบนโลกออนไลน์
- บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG โดย Yournique พัฒนาชุมชนป่าแลวหลวง จ.น่าน ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ต้นน้ำ
- บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS จับมือกับชุมชนท่องเที่ยว บ้านมุงเหนือ จ.พิษณุโลก มุ่งพัฒนาแนวทางการยกระดับผลิตภัณฑ์เกษตร บริการท่องเที่ยว และมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
ผลักดันท่องเที่ยวชุมชนเติบโต
“ฐาปนีย์" กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวชุมชนหลายพื้นที่ยังถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘Hidden Gem’ หรือเมืองท่องเที่ยวรอง ซึ่งยังมีสัดส่วนรายได้ราว 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่เรากำลังพยายามผลักดันให้เกิดสมดุลมากขึ้น โดยตั้งเป้าให้รายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนอยู่ในอัตราส่วน 30:70 เมื่อเทียบกับเมืองหลัก หากขับเคลื่อนอย่างจริงจังตั้งแต่ปีนี้ ก็มีโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
"สิ่งสำคัญที่จับต้องได้ในเวที ESG คือความสามารถในการพิสูจน์และต่อยอดได้จริง ชุมชน (People) คือการสร้างเนื้อหา เรื่องราว และคุณค่าใหม่ของการเดินทาง ชุมชนยังเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงชีวิตกับธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม (Planet) และสุดท้ายคือการสร้างพันธมิตร (Partnership) โดยชุมชนต้องเดินเคียงข้างกับตลาดทุนและภาคธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างธุรกิจการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่"
เคียงคู่ 'เที่ยวไทยคนละครึ่ง'
เมื่อถูกถามถึงโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง “ฐาปนีย์" กล่าวว่า สิ่งที่โดดเด่นของโครงการปีนี้คือ การกำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับสิทธิ์ต้องเลือกเดินทางทั้ง “เมืองหลัก” และ “เมืองหน้าเที่ยว"
โดยสิทธิ์ทั้งหมดที่ได้รับ คือ 5 สิทธิ์ต่อคน แบ่งเป็นเมืองหลัก 3 สิทธิ์ และเมืองหน้าเที่ยว 2 สิทธิ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในพื้นที่ที่ยังไม่เคยเดินทางไป รวมถึงกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึง
ภาพรวมของโครงการ จะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยปีที่ผ่านมา ช่วง 4 เดือนดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางรวมประมาณ 66 ล้านคน ดังนั้น เมื่อมีมาตรการส่งเสริมจากโครงการนี้ คาดว่าจะมีจำนวนผู้เดินทางเพิ่มขึ้นแตะระดับ 69 ล้านคน ซึ่งเท่ากับการเพิ่มขึ้นราว 3–4 ล้านคน อันส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจประมาณ 10,000–20,000 ล้านบาท
โดยรวมแล้วโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งในรอบนี้ไม่ใช่เพียงแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความตั้งใจในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน และสร้างโอกาสให้ชุมชนในเมืองรองเติบโตไปพร้อมกันด้วย
การท่องเที่ยว ‘เส้นเลือดหลัก’ เศรษฐกิจ
ด้าน “ดร. ศรพล ตุลยะเสถียร” ตัวแทนผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ให้มุมมองว่า ภาคบริการมีสัดส่วนประมาณหนึ่งในสี่ของมูลค่ารวมทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็น ‘เส้นเลือดหลัก’ ของทั้งเศรษฐกิจและตลาดทุน เรื่องความยั่งยืนถือเป็นหัวใจสำคัญที่หลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้ดำเนินการมาโดยตลอด และการที่มีโครงการที่ชัดเจนในการร่วมมือกันแบบนี้ จะยิ่งเสริมพลังให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ปัจจุบัน การท่องเที่ยวไม่ได้เป็นเพียงแค่การเยี่ยมชมสถานที่สวยงาม แต่ยังต้องนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน นักท่องเที่ยวต่างชาติในปัจจุบันต้องการค้นหาประสบการณ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงชุมชน เพื่อซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่หลากหลาย
“แนวคิด ESG มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญและมักจะลงทุนในหุ้นยั่งยืน ซึ่งเกือบ 80% ของบริษัทจดทะเบียนรายงานข้อมูล ESG แก่ ตลท. และโครงการนี้จะแสดงผลกระทบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการลงทุนในบริษัทที่ทำเรื่องนี้"
การที่บริษัทใส่ใจในเรื่องเหล่านี้เปรียบเสมือนการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี ประโยชน์ที่แท้จริงยังรวมถึงการที่บริษัทสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตนให้กับชุมชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง โครงการนี้ถือเป็น win-win สำหรับชุมชน บริษัท ประเทศชาติ สิ่งแวดล้อม และโลกโดยรวม







