พลิกฟื้น ‘เกษตรกรรม’ ใน ‘ซินเจียง’ ด้วยเทคโนโลยี

อุทยานนิทรรศการเกษตรกรรมซินเจียง (Xinjiang Agricultural Expo Park) พื้นที่การเกษตรที่ช่วยพลิกฟื้นมณฑลซินเจียงให้พึ่งพาตนเองได้ด้วยเทคโนโลยี
KEY
POINTS
- ธ.ก.ส. พาเกษตรกรจาก 10 ชุมชนดีเด่นของไทยไปศึกษาดูงาน เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ ณ มณฑลซินเจียง ประเทศจีน
- เข้าชมศูนย์สาธิตเกษตรระดับ AAAA แห่งชาติ ภายในอุทยานนิทรรศการเกษตรกรรมซินเจียง
- จุดเด่นจากศูนย์เกษตรซินเจียง ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ ลดรอบการปลูกผัก ปลูกได้แม้ในพื้นที่แห้งแล้งและอุณหภูมิสุดขั้ว
- ศูนย์นี้ช่วยให้จีน ลดการนำเข้าพืชผัก พึ่งพาตนเองได้
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พาคณะเกษตรกรหัวขบวนจากชุมชนที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทต่าง ๆ ของไทย 10 ชุมชน ไปศึกษาดูงานนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานและมูลค่าสินค้าเกษตร ณ มณฑลซินเจียง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 18-24 มิ.ย. 2568
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า การศึกษาดูงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับเกษตรกรไทย สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ต่อยอดกับสินค้า พร้อมนำพาเกษตรกรรายย่อยในชุมชนตนเองมาร่วมเป็นวิสาหกิจชุมชน และพัฒนาการเกษตรในยั่งยืนต่อไป
เพื่อสนับสนุนเกษตรกร ธ.ก.ส. จึงออกสินเชื่อ Smarttech Smart Farmer ซึ่งเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกว่าปรกติ สำหรับเกษตรกรที่ต้องการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับการทำเกษตรแบบดั้งเดิม โดย ธ.ก.ส. หวังว่าสินเชื่อนี้จะช่วยให้เกษตรกรที่นำเทคโนโลยีมาใช้ และช่วยให้เกษตรกรสามารถแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป ในฐานะของฝากที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สามารถกำหนดราคาขายได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพิงตลาดกลางอีกต่อไป
หนึ่งในจุดหมายสำคัญของการศึกษาดูงานในครั้งนี้ คือ ศูนย์สาธิตและท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนและวิทยาศาสตร์การเกษตรระดับ AAAA แห่งชาติ ที่อยู่ภายในอุทยานนิทรรศการเกษตรกรรมซินเจียง (Xinjiang Agricultural Expo Park) ซึ่งมีแปลงผัก ไฮโดรโปนิกส์นานาชนิดเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ของส่วนจัดแสดง นวัตกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูงได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการทำฟาร์มในภูมิภาคนี้ไปอย่างไร
เดิมทีในเขตซินเจียงอุยกูร์นี้ ต้องนำเข้าพืชผักผลไม้จากมณฑลอื่น ๆ เนื่องจากภูมิภาคนี้ค่อนข้างแห้งแล้ง และมีสภาพอากาศที่รุนแรง แต่รัฐบาลได้แก้ไขปัญหานี้ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ในศูนย์แห่งนี้สามารถประมวลผลข้อมูลมากกว่า 100,000 จุดต่อวินาที สามารถปรับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น พัดลมม่านน้ำ ม่านบังแดด และไฟเสริมโดยอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับพืชผักอยู่เสมอ วิธีนี้ทำให้สภาพแวดล้อมคงที่และลดรอบการเติบโตของผักใบเขียวจากปกติ 70 วันเหลือเพียง 18-25 วัน
ภายในศูนย์แห่งนี้ยังผสานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น การเพาะปลูกเลียนแบบชีวภาพ การเพาะปลูกในภาชนะ ระบบรางแนวตั้ง และชั้นวางหมุนแบบลูกสูบ ซึ่งรองรับโหมดการเพาะปลูกสามโหมด ได้แก่ ระบบแนวตั้ง ระบบระนาบวงกลม และระบบที่ใช้แรงดึง โดยระบบการเพาะปลูกแนวตั้งสามารถหมุนได้อัตโนมัติ ทำให้ผักทุกต้นได้รับแสงแดดสม่ำเสมอ ผักจึงสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กัน และปรับปรุงคุณภาพของผักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แปลงปลูกผักแนวตั้งที่เลื่อนได้เองอัตโนมัติ
ถัดมาเป็นแปลงผักใบเขียวแบบราง ในลักษณะเป็นขั้นบันได พร้อมมีท่อส่งน้ำแบบไฮโดรโปนิกส์เกือบสิบชั้น ซึ่งสามารถจัดแสดงผักใบเขียวพันธุ์ต่าง ๆ ในลักษณะรวมศูนย์ ซึ่งจะช่วยให้นักวิจัยสามารถควบคุมระดับน้ำและสารอาหารให้เหมาะสมกับพืช อีกทั้งทำให้พืชดูดซับออกซิเจนและความชื้นในอากาศได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเร่งการเจริญเติบโตของพืชผักได้อีกด้วย
ขณะเดียวกัน มีการปลูกไม้ดอกไม้ประดับร่วมกับผัก เพื่อการเพิ่มออกซินเจนให้กับผัก และช่วยดึงดูดแมลงออกจากผัก รวมถึงใช้กาวแขวนไว้เหนือแปลงผักเพื่อป้องกันแมลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีฟาร์มตู้คอนเทนเนอร์สามารถวางบนหลังคาหรือในพื้นที่ว่างได้ตามความประสงค์ สร้างระบบการเกษตรในเมืองที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้แร่ธาตุหรือสารละลายธาตุอาหารแทนดินเพื่อปลูกพืชเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ โดยวิธีนี้จะช่วยประหยัดน้ําได้ 90% เมื่อเทียบกับวิธีการปลูกแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังมีระบบให้แสงสว่างที่ช่วยให้พืชเติบโตได้เร็วขึ้น
สำหรับเครื่องหว่านเมล็ดสามารถปลูกต้นกล้าได้มากถึง 43,000 ต้นภายใน 1 ชั่วโมง โดยเครื่องนี้ประกอบด้วยการทำงาน 3 ระบบหลัก คือ ระบบส่งน้ำไหลเวียน ระบบปฏิบัติการการผลิตการเพาะปลูก และระบบลำเลียงอัตโนมัติที่ช่วยเพาะต้นกล้าลงแปลง ซึ่งทั้ง 3 ระบบสามารถควบคุมได้จากส่วนกลาง สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถปลูกได้ทั้งไม้กระถาง ไม้ดอก และพืชผักนานาชนิด
แปลงปลูกผักไฮโปนิกส์นานาชนิด
ที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ ในสวนแห่งนี้มี “หุ่นยนต์” ช่วยทำงานในหลากหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บผลผลิตที่ทำได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าผลผลิตจะอยู่สูงแค่ไหนก็ตาม อีกทั้งยังมีหุ่นยนต์ที่ช่วยต่อกิ่งพืชพรรณต่าง ๆ ด้วยภายในเวลาเพียง 3 วินาที ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้แรงงานคนประมาณ 8 เท่า และสามารถต่อกิ่งได้ 1,500 ต้นในหนึ่งชั่วโมง โดยพนักงานสามารถควบคุมได้อย่างง่าย ด้วยระบบอินเทอร์เน็ตระยะไกล สามารถลดจำนวนแรงงานลงได้มาก
อุปกรณ์ทั้งหมดภายในศูนย์ เชื่อมต่อกันผ่านเครือข่าย 5G สามารถควบคุมได้โดยตรงผ่านระบบควบคุมส่วนกลาง ทำให้สามารถทำงานอัตโนมัติได้เต็มรูปแบบตั้งแต่การหว่านเมล็ดจนถึงการเก็บเกี่ยว จึงช่วยลดการใช้แรงงาน ช่วยประหยัดน้ำและปุ๋ย แนวทางเหล่านี้ช่วยเพิ่มผลผลิตพืชผลต่อหน่วยพื้นที่ได้อย่างมาก
แม้ว่าในฤดูหนาวซินเจียงจะมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -20 องศาเซลเซียส และหน้าร้อนจะทะลุไปกว่า 32 องศาเซลเซียส แต่พืขผักภายในศูนย์ยังคงเติบโตได้ดี เนื่องจากระบบเอไอจะควบคุมอุณหภูมิภายในเรือนกระจกให้สามารถควบคุมรักษาระดับอุณหภูมิ ความชื้น ระดับออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืชได้ จึงช่วยปรับปรุงคุณภาพของผักได้อย่างมาก
เรือนกระจกของศูนย์มีโครงสร้างแบบกระเจิงแสงระดับสูง ที่ได้รับมาตรฐานระดับนานาชาติ มีลักษณะเด่นคือ การป้องกันการแตกร้าวจากการแข็งตัวและการหักเหแสงอัตโนมัติ รวมถึงยังมีเครื่องมือเตือนเมื่อเจอศัตรูพืช หรือพืชเกิดโรค ซึ่งจะช่วยให้นักวิจัยสามารถแยกพืชที่ติดโรคได้อย่างทันท่วงที
ปัจจุบัน ศูนย์แห่งนี้ผลิตผักใบเขียวมากกว่า 30 ชนิดรวมกันได้ 100 ตัน และมะเขือเทศ 70 ตันต่อปี โดยอุปกรณ์ที่ใช้ภายในศูนย์มากกว่า 90% ผลิตในประเทศจีน และจดสิทธิบัตรมากกว่า 50 ฉบับ ซึ่งพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเกษตรซินเจียงร่วมกับบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรจงหนง จินหวัง (ปักกิ่ง)
หม่า จุน คณะทำงานของสำนักงานพรรคและรัฐบาลของเขตสาธิตอุตสาหกรรมไฮเทคการเกษตรแห่งชาติชางจี๋ แนะนำว่า “ในอนาคตศูนย์จะแนะนำวิสาหกิจไฮเทคและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น เพื่อดำเนินการสาธิตและส่งเสริมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ จะมีการประชาสัมพันธ์และนำไปทั่วทั้งซินเจียง”
ในพื้นที่เมืองที่มีจำกัด เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรที่ดินอย่างมาก แต่ยังช่วยรับประกันความสดใหม่ของอาหารตั้งแต่การผลิตจนไปถึงผู้บริโภค โดยผักภายในศูนย์แห่งนี้จะถูกส่งไปจำหน่ายในเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าผักทั่วไป เนื่องจากเป็นผักออร์แกนิกปลอดสารพิษ
ผักที่ปลูกด้วยเครื่องหว่านเมล็ด
สำหรับอุทยานนิทรรศการเกษตรกรรมซินเจียง สร้างขึ้นในปี 2010 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5,819 ไร่ ตั้งอยู่ในเมืองชางจี๋ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีด้วยกันหลากหลายโซน หนึ่งในสถานที่โดดเด่นที่สุดคือ ศูนย์สาธิตและท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนและวิทยาศาสตร์การเกษตรระดับ AAAA แห่งชาติ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวและเกษตรกรเข้าศึกษาดูงาน
การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรมาใช้ฟื้นฟู และพัฒนาคุณภาพสูงของผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ชนบทของจีนถือเป็นแนวทางที่น่าสนใจ ช่วยให้ท้องถิ่นสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการนำเข้าผลผลิต ประชาชนมีพืชผักที่สดใหม่รับประทานในราคาที่จับต้องได้
ที่มา: GSCN, People's Daily Online, Youth.cn







