แก้ขยะผลิตภัณฑ์ล้นเมือง TCP ชู 'ระนอง' ทำเศรษฐกิจหมุนเวียน มูลค่าขยะหลักแสน

จังหวัดระนองมีปัญหาขยะตกค้างที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ แหล่งน้ำ และคุณภาพชีวิต TCP ร่วมกับ IUCN พัฒนาระบบการจัดการขยะในตำบลหงาวและบางนอน ผ่านความร่วมมือกับชุมชนในระดับรากฐาน
KEY
POINTS
- จังหวัดระนองมีปัญหาขยะตกค้างที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ แหล่งน้ำ และคุณภาพชีวิตของประชาชน
- TCP ร่วมกับ IUCN พัฒนาระบบการจัดการขยะในตำบลหงาวและบางนอน ผ่านความร่วมมือกับชุมชนในระดับรากฐาน
- ชาวบ้านเรียนรู้การคัดแยกขยะ ส่งคืนบรรจุภัณฑ์ และนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ ส่งผลให้ขยะตกค้างในพื้นที่ลดลงอย่างชัดเจน
- โครงการช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนผ่าน “ธนาคารขยะ” และ “กองทุนบุญ” โดยเก็บวัสดุรีไซเคิลได้กว่า 129,193.5 กก. คิดเป็นมูลค่ากว่า 490,062.85 บาท
- ตั้งเป้าส่งต่อบทเรียนสู่ภาครัฐ ใช้เป็นข้อมูลออกแบบนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน และขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero
ระนองเป็นหนึ่งในจังหวัดชายฝั่งที่มีความเปราะบางด้านระบบนิเวศ โดยเฉพาะปัญหาขยะที่กระทบทั้งสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ขยะตกค้างจากครัวเรือนและธุรกิจที่จัดการอย่างไม่ถูกวิธี กำลังกลายเป็นความเสี่ยงที่คุกคามทั้งแหล่งน้ำ ป่าไม้ และชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน
ในช่วงระหว่างปี 2565 – 2567 กลุ่มธุรกิจ TCP จึงได้เลือกพื้นที่ระนองเป็น “ต้นแบบ” ในการพัฒนาโมเดลการจัดการขยะที่มีความเป็นระบบ โดยใช้แนวทาง Extended Producer Responsibility (EPR) หรือ "ความรับผิดชอบของผู้ผลิตตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์" เป็นหัวใจหลักในการดำเนินงาน เพื่อให้การบริหารจัดการขยะครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และมีความยั่งยืนในระยะยาว
ล่าสุด กลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนผ่านโครงการ “TCP ปลุกพลังความยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน” โดยผนึกกำลังกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ร่วมผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านการจัดการขยะในพื้นที่ตำบลหงาวและตำบลบางนอน จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาขยะในชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง
จัดการบรรจุภัณฑ์ครบวงจร
"อาจรีย์ สุวรรณกูล" ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า โครงการ ‘TCP ปลุกพลังความยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน’ สะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของกลุ่มธุรกิจ TCP ในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืน ภายใต้พันธกิจ ‘ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า’
“เราได้ร่วมพัฒนาและทดลองใช้โมเดล Extended Producer Responsibility (EPR) สำหรับการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจรภายในองค์กร เพื่อให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางของวงจรผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับ IUCN และชุมชนในพื้นที่ได้นำมาซึ่งบทเรียนที่มีคุณค่า ช่วยให้เราเข้าใจถึงบริบทและความท้าทายในแต่ละพื้นที่ได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งเห็นถึงพลังของการมีส่วนร่วมในระดับรากฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”
โครงการนี้ไม่เพียงเปลี่ยนพฤติกรรมของชุมชนในเรื่องการจัดการขยะอย่างมีระบบ แต่ยังเป็นต้นแบบของการสร้างคุณค่าร่วม ระหว่างภาคธุรกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล
จากนโยบายสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
"ดร.ภัทรียา สวนรัตนชัย" ผู้อำนวยการแผนงานประเทศไทย IUCN กล่าวว่า “เมื่อความรู้วิชาการผสานกับพลังของชุมชนและภาคธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้จริง” โดย IUCN ได้ให้การสนับสนุนทางเทคนิค ขณะที่ TCP รับบทผู้นำในการออกแบบและทดสอบระบบจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร รวมถึงการสร้างกลไกขับเคลื่อนที่เหมาะสมกับบริบทชุมชน
ผลจากโครงการชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยมีการคัดแยกขยะ การส่งคืนบรรจุภัณฑ์เพื่อรีไซเคิล และการนำขยะบางประเภทกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ส่งผลให้ขยะตกค้างในพื้นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
จากขยะสู่รายได้ชุมชน
ข้อมูลจากพื้นที่ดำเนินโครงการพบว่า มีการเก็บวัสดุรีไซเคิลได้รวมกว่า 129,193.50 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 490,062.85 บาท ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระการจัดเก็บของรัฐ แต่ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ่านระบบ “ธนาคารขยะ” และ “กองทุนบุญ” ที่ชาวบ้านสามารถมีส่วนร่วมได้โดยตรง
“วาสนา รอดยวน” ประธาน อสม. ต.บางนอน กล่าวว่า ชุมชนมีระบบจัดการขยะที่เป็นรูปธรรม ขยะหายไปจากถนนและคลอง ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และที่สำคัญคือชาวบ้านรู้ว่าขยะมีมูลค่าและสามารถสร้างรายได้ได้จริง
ยกระดับสู่ระดับนโยบาย – ส่งต่อบทเรียนสู่ภาครัฐ
นอกจากความสำเร็จในระดับพื้นที่ กลุ่มธุรกิจ TCP ยังเตรียมผลักดันบทเรียนจากโครงการนี้สู่ ระดับนโยบาย โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการจัดทำ เทศบัญญัติการจัดการขยะ ในตำบลหงาว และเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่นทั่วประเทศ พร้อมทั้งมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาวของประเทศด้าน เศรษฐกิจหมุนเวียน และ Net Zero
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP พร้อมขยายแนวทางนี้ไปยังพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพื่อสร้างผลกระทบทางบวกในวงกว้าง และเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง







