‘Coldplay’ ผลิตแผ่นเสียง จาก ‘ขวดพลาสติกรีไซเคิล’ ตอกย้ำภาพลักษณ์ศิลปินรักษ์โลก

“Coldplay” เปิดจองอัลบั้มแผ่นเสียงไวนิลที่ผลิตจาก “ขวดพลาสติกรีไซเคิล” ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนระหว่างการผลิตได้ 85% เมื่อเทียบกับการผลิตแผ่นเสียงไวนิลแบบเดิม
KEY
POINTS
-
Coldplay เตรียมวางจำหน่ายอัลบั้มเก่าทั้ง 9 ชุด ในรูปแบบแผ่นไวนิลใสที่ผลิตจาก “ขวดพลาสติกรีไซเคิล” ทั้งหมด
-
วิธีนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตได้ถึง 85% เมื่อเทียบกับการผลิตแผ่นเสียงไวนิลแบบเดิม
-
ในช่วงสองปีของการทัวร์ “Music Of The Spheres World Tour” สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 59%
นอกจาก “Coldplay” จะเป็นวงดนตรีที่มีเพลงฮิตมากมายที่ทุกคนสามารถร้องตามได้แล้ว ยังเป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินที่รักษ์โลกมากที่สุดในวงการ และยังคงเดินหน้าสร้างความยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมดนตรี โดยล่าสุด Coldplay เตรียมวางจำหน่ายอัลบั้มเก่าทั้ง 9 ชุด ในรูปแบบแผ่นไวนิลใสที่ผลิตจาก “ขวดพลาสติกรีไซเคิล” ทั้งหมด
การผลิตแผ่นเสียงในครั้งนี้ มี “EcoRecords” เป็นผู้ดำเนินการ ด้วยเทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปของบริษัทจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตได้ถึง 85% เมื่อเทียบกับการผลิตแผ่นเสียงไวนิลแบบเดิม
สำหรับอัลบั้มใหม่ของ Coldplay ที่กลับนำมาวางจำหน่ายใหม่ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย “Parachutes” (2000), A Rush of Blood to the Head (2002), X&Y (2005), Viva La Vida (2008), Mylo Xyloto (2011), Ghost Stories (2014), A Head Full of Dreams (2015), Everyday Life (2019) และ Music of the Spheres (2021) โดยสามารถสั่งจองผ่านทางเว็บไซต์ได้แล้ววันนี้ ก่อนที่จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ส.ค.
ในกระบวนการผลิตของ EcoRecords จะใช้โพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) 100% และโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลตรีไซเคิล (rPET) สำหรับการผลิตแผ่นเสียงไวนิลขนาด 140 กรัม ซึ่งเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและทนทาน โดยถูกออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยมลพิษในการขนส่งและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อสิ้นอายุการใช้งาน
แต่สำหรับ Coldplay แล้วจะเลือกใช้เฉพาะวัสดุ rPET เท่านั้น หลังจากนำขวดพลาสติกมาทำความสะอาดแล้ว จะนำไปแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติกขนาดเล็ก จากนั้นจึงนำไปขึ้นรูปเป็นแผ่นเสียง สำหรับแผ่นเสียงไวนิล โดยแผ่นไวนิลแต่ละแผ่นจะประกอบด้วยขวดพลาสติก rPET ประมาณ 9 ขวด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Coldplay ออกอัลบั้มกับ EcoRecords อัลบั้ม Moon Music ซึ่งออกในปี 2024 ของพวกเขาออกจำหน่ายในรูปแบบ rPET EcoRecord 100% ซึ่งถือเป็นอัลบั้มแรกของโลกที่ออกจำหน่ายในรูปแบบ rPET LP ขนาด 140 กรัม
เจน ไอวอรี กรรมการผู้จัดการของค่ายเพลง Parlophone ต้นสังกัดของวงกล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับศิลปินอย่าง Coldplay ซึ่งมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับวงการดนตรี”
“การเปลี่ยนมาใช้แผ่นเสียงของ EcoRecords เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความที่เป็นไปได้ เมื่อนวัตกรรมมาบรรจบกับความตั้งใจ ม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการบุกเบิกการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก โดยมอบประสบการณ์เสียงคุณภาพสูงให้กับแฟน ๆ ขณะเดียวกันก็สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการผลิตเพลงจริง” ไอวอรีกล่าว
แนวทางการใช้แผ่นเสียงไวนิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่แนวทางที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอุตสาหกรรมดนตรี ศิลปินบางคน เช่น Massive Attack และ บิลลี่ ไอลิช ก็เดินตามรอย Coldplay ในการสร้างอุตสาหกรรมดนตรีที่ยั่งยืน
“Music Of The Spheres World Tour” เวิลด์ทัวร์ครั้งล่าสุดของวงที่เริ่มตั้งแต่ปี 2022 เป็นคอนเสิร์ตที่ทางวงตั้งใจจะลดการปล่อย “ก๊าซเรือนกระจก” ระหว่างการทัวร์น้อยลง 50% เมื่อเทียบกับทัวร์ครั้งก่อน ในปี 2016-17 และดูเหมือนว่าวงจะทำได้เกินเป้าหมาย หลังจากที่ประกาศว่าในช่วงสองปีของการทัวร์สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 59% โดยได้รับการยืนยันจาก โครงการริเริ่มการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ของ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)
เพื่อตอบแทนโลก Coldplay ตั้งเป้าปลูกต้นไม้ 1 ต้น ต่อการจำหน่ายตั๋ว 1 ใบ นั่นเท่ากับว่า Coldplay ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 8.8 ล้านต้นใน 24 ประเทศ Coldplay ร่วมมือกับ DHL ในฐานะพันธมิตรด้านโลจิสติกส์อย่างเป็นทางการของทัวร์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งสินค้าและการขนส่ง ด้วยระบบการขนส่งที่ยั่งยืนด้วยการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น น้ำมันพืชเติมไฮโดรเจน หรือ HVO รวมถึงใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในการขนส่งต่าง ๆ หลีกเลี่ยงเชื้อเพลิงฟอสซิล สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ได้มากกว่า 3,000 ตัน
ในการแสดงคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง พวกเขาสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ 17 กิโลวัตต์ชั่วโมง ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาเวทีคอนเสิร์ต ลำโพงขนาดใหญ่ ไปจนถึงแผงไฟและเครื่องเสียง ซึ่งสามารถชาร์จแบตได้ทันทีเมื่อติดตั้งเสร็จ รวมถึงใช้แบตเตอรี่สำหรับงานคอนเสิร์ต ซึ่งรีไซเคิลมาจากแบตเตอรี่ของรถยนต์ BMW รุ่น i3 อีกทั้งใช้น้ำมันดีเซลหมุนเวียนที่รีไซเคิลจากน้ำมันเก่า เช่น น้ำมันพืชสำหรับปรุงอาหาร
บริเวณสนามกีฬา มีการติดตั้งแผ่นพลังงานจลน์ ที่จะช่วยเปลี่ยนแรงกดจากการเหยียบให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ด้วยการเดิน หรือการเต้นของแฟนเพลง รวมถึงมีจักรยานไฟฟ้าสำหรับผลิตไฟฟ้าให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับคอนเสิร์ตได้อีกด้วย
ส่วนสายรัดข้อมือ LED ที่แจกให้กับผู้ชม ทำหน้าที่เปรียบได้กับ “แท่งไฟ” ในคอนเสิร์ตเกาหลี ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น แถมยังเป็นส่วนสำคัญของโชว์ ก็ทำมาจากพืชที่ย่อยสลายได้ 100% และมีอัตราการคืนสายรัดข้อมือหลังจากคอนเสิร์ตจบสูงกว่า 86% ในช่วงทัวร์ (ในไทยคืน 89%) ทำให้ช่วยลดการผลิตสายรัดข้อมือใหม่ได้ถึง 80% และสามารถส่งต่อไปใช้ในคอนเสิร์ตรอบอื่นได้ โดยจะผ่านการฆ่าฆ่าเชื้อ และชาร์จใหม่หลังการแสดงทุกครั้ง
ขณะที่จอ LED ในคอนเสิร์ตก็ใช้โหมดพลังงานต่ำ ระบบแสงสีในคอนเสิร์ตใช้พลังงานน้อยลงถึง 50% เมื่อเทียบกับทัวร์ครั้งก่อน สามารถลดการเกิดมลภาวะทางแสงที่ส่งผลกระทบต่อภายนอกคอนเสิร์ตได้อย่างมาก แต่ยังคงคุณภาพความสนุกและความสดของสีไว้ได้ดังเดิม
ลูกปา หรือเปเปอร์ชู้ตที่ใช้ในระหว่างการแสดงสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100% อีกทั้งยังใช้ก๊าซอัดในการจุดระเบิดน้อยกว่าทัวร์ครั้งก่อน เช่นกับกับพลุที่จุดตอนจบเป็นพลุสูตรใหม่ที่ใช้ดินระเบิดน้อยกว่า ไม่ทิ้งสารเคมีอันตรายไว้ในอากาศ และบรรจุภัณฑ์ของดอกไม้ไฟยังสามารถย่อยสลายหรือนำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย
เพื่อลดการใช้พลาสติก ภายในคอนเสิร์ตจึงมีจุดเติมน้ำฟรีในทุกสถานที่จัดงาน นอกจากนี้ พวกเขายังบริจาคอาหารกว่า 9,600 มื้อและของใช้ในห้องน้ำ 90 กิโลกรัม และร่วมมือกับผู้ให้บริการท่องเที่ยวสีเขียว 23 รายเพื่อลดการปล่อยมลพิษจากการเดินทางของแฟน ๆ
อีกทั้ง Coldplay ยังบริจาคเงินสนับสนุนให้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น The Ocean Cleanup, ClientEarth, Climeworks, Project Seagrass เพื่อช่วยทำความสะอาดมหาสมุทร ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และสนับสนุนระบบอาหารที่ยั่งยืน
พวกเขากล่าวในแถลงการณ์ว่า “การแสดงสดและเชื่อมโยงกับผู้คนคือเหตุผลหลักที่ทำให้เราเป็นวงดนตรี เราวางแผนทัวร์นี้มาหลายปีแล้ว และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นเพลงจากทุกช่วงเวลาร่วมกัน ในขณะเดียวกัน เราก็ตระหนักดีว่าโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราจึงปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ทัวร์นี้ยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของทัวร์ในการผลักดันสิ่งต่าง ๆ ให้ก้าวไปข้างหน้า”
และจนถึงตอนนี้ Coldplay ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อุตสาหกรรมดนตรีสามารถเดินไปคู่กับความยั่งยืนได้
ที่มา: Carbon Credit, CNA Lifestyle, Euro News, NME







