'ลาว' ห้ามถาวร ออกใบอนุญาตขุดแร่ทองคำ ป้องกันมลพิษไหลลงแม่น้ำ

'ลาว' ห้ามถาวร ออกใบอนุญาตขุดแร่ทองคำ ป้องกันมลพิษไหลลงแม่น้ำ

ทางการเมืองเซียงค้อ แขวงหัวพัน ออกคำสั่ง “ยุติถาวร” การออกใบอนุญาตขุดแร่ทองคำทุกรูปแบบ เน้นควบคุมเหมืองทองคำ หิน และทราย โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเปราะบาง

KEY

POINTS

  • ทางการเมืองเซียงค้อ แขวงหัวพัน ออกคำสั่ง “ยุติถาวร” การออกใบอนุญาตขุดแร่ทองคำทุกรูปแบบ
  • มีผลบังคับใช้ ทันที และครอบคลุมถึงกิจกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายแร่ทองคำที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • เน้นย้ำให้หมู่บ้านที่เพิกเฉยต่อเหมืองผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี
  • เครื่องจักรที่ใช้ในเหมืองต้องถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่โดยทันที
  • เน้นควบคุมเหมืองทองคำ หิน และทราย โดยเฉพาะในพื้นที่ ลุ่มน้ำเปราะบาง

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ทางการเมืองเซียงค้อ แขวงหัวพัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้ออกคำสั่งอย่างเป็นทางการให้ "ยุติถาวร" การออกใบอนุญาตขุดแร่ทองคำทุกรูปแบบภายในพื้นที่ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที และครอบคลุมถึงการยุติกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหรือดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแร่ทองคำที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง

คำสั่งนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหาการทำเหมืองผิดกฎหมาย คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยระบุว่า "หมู่บ้านหรือพื้นที่ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทำเหมืองทองผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย" และเครื่องจักรที่ใช้ในการทำเหมืองจะต้องถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ทันที

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ผู้ว่าราชการแขวงหัวพันได้ออกคำสั่งระดับแขวงให้ "ยุติถาวร" การทำเหมืองแร่ทองคำทั่วทั้งแขวง ซึ่งถือเป็นการดำเนินการสอดคล้องกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรี "โซเน็กไซ สีพันดอน" ที่ออกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เพื่อเพิ่มการตรวจสอบ แก้ไขปัญหา และควบคุมการขุดแร่ทองคำ หิน และทรายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำและร่องห้วยที่มีความเปราะบางต่อสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของไทย

นักสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการทำเหมืองทองคำในแขวงหัวพัน เนื่องจากพื้นที่บางส่วนอยู่ใกล้กับชายแดนไทย โดยเฉพาะบริเวณตอนเหนือของจังหวัดน่านและเลย ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ การทำเหมืองในลักษณะที่ไม่มีการควบคุมอาจส่งผลต่อระบบนิเวศข้ามพรมแดน เช่น มลพิษในลำน้ำ การพังทลายของดิน และการปนเปื้อนของสารเคมี เช่น สารไซยาไนด์และปรอท ที่มักใช้ในกระบวนการแยกแร่ทองคำ

การยุติการออกใบอนุญาตในแขวงหัวพันครั้งนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของมลพิษสู่ลำน้ำสายสำคัญที่ไหลลงสู่ฝั่งไทย และช่วยให้เกิดความร่วมมือในการจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมร่วมกันในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

ภาพรวมอุตสาหกรรมเหมืองทองในลาว

ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐของลาวระบุว่า ปัจจุบันมีเหมืองทองคำที่ได้รับใบอนุญาตดำเนินการหลายสิบแห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในแขวงไซสมบูน แขวงเวียงจันทน์ และแขวงหัวพัน โดยในปี 2566 ลาวผลิตทองคำได้มากกว่า 7 ตัน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม การขุดแร่ทองคำจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ทั้งการทำลายพื้นที่ป่า การปนเปื้อนของแหล่งน้ำ และปัญหาสุขภาพในชุมชน ส่งผลให้รัฐบาลลาวต้องทบทวนนโยบายและออกคำสั่งควบคุมอย่างเข้มงวดมากขึ้น

การเคลื่อนไหวล่าสุดของแขวงหัวพันจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางนโยบายทรัพยากรธรรมชาติของลาว ที่อาจส่งผลดีต่อภูมิภาคโดยรวมในระยะยาว

 

 

 

อ้างอิง : Laotian Times