รายชื่อ เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก 2025 แชมป์โคเปนเฮเกน กทม. ขยับขึ้น อันดับ 116

รายชื่อ เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก 2025 แชมป์โคเปนเฮเกน กทม. ขยับขึ้น อันดับ 116

The Economist Intelligence Unit (EIU) จัดอันดับครอบคลุม 173 เมืองทั่วโลก โคเปนเฮเกน แซงเวียนนา ขึ้นอันดับ 1 ของโลก เมืองไทยขยับอันดับดีขึ้น กรุงเทพฯ อยู่อันดับ 116 เชียงใหม่ อยู่อันดับ 130

KEY

POINTS

  • The Economist Intelligence Unit (EIU) จัดอันดับครอบคลุม 173 เมืองทั่วโลก
  • ใช้ตัวชี้วัดมากกว่า 30 รายการ ครอบคลุม 5 ด้านหลัก: ความมั่นคง, การแพทย์, วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม, การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน
  • โคเปนเฮเกน แซงเวียนนา ขึ้นอันดับ 1 ของโลก
  • เมืองไทยขยับอันดับดีขึ้น กรุงเทพฯ อยู่อันดับ 116 เชียงใหม่ อยู่อันดับ 130
  • รายงานนี้ถือเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญระดับโลก ช่วยให้รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นใช้เป็นแนวทางพัฒนาเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิต และวางกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา หน่วยงานวิจัยเศรษฐกิจระดับโลกอย่าง The Economist Intelligence Unit (EIU) ได้เผยผลการจัดอันดับ "เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก 2025" (Global Liveability Index 2025) โดยทำการประเมินเมืองต่างๆ ทั่วโลกจำนวน 173 เมือง พิจารณาจากตัวชี้วัดมากกว่า 30 รายการ ครอบคลุม 5 หมวดหลัก ได้แก่ ความมั่นคง (Stability), การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ (Healthcare), วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม (Culture & Environment), ระบบการศึกษา (Education) และ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งเป็นปัจจัยสะท้อนความอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การจัดอันดับดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดสำคัญที่หลายประเทศและเมืองทั่วโลกใช้เป็นแนวทางในการพัฒนานโยบายเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

คะแนนเฉลี่ย World’s Most Liveable Cities ในปีนี้อยู่ที่ 76.1 จาก 100 ซึ่งเท่ากับปีที่ผ่านมา แม้ว่าความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่สงบทางสังคมจะยังคงส่งผลกระทบต่อคะแนนด้านเสถียรภาพ แต่เมืองเกิดใหม่หลายแห่งกลับมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบในภาพรวมได้

10 อันดับเมืองน่าอยู่สูงสุด ปี 2025

  • อันดับ 1 : โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ▸ คะแนนรวม 98.0 ▸ ความมั่นคง 100.0 | สุขภาพ 95.8 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 95.4 | การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน 100.0
  • อันดับ 2 (ร่วม) : เวียนนา ประเทศออสเตรีย ▸ คะแนนรวม 97.1 ▸ ความมั่นคง 95.0 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 93.5 | สุขภาพ การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน 100.0
  • อันดับ 2 (ร่วม) : ซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ▸ คะแนนรวม 97.1 ▸ ความมั่นคง 95.0 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 96.3 | สุขภาพ และการศึกษา 100.0 | โครงสร้างพื้นฐาน 96.4
  • อันดับ 4 : เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ▸ คะแนนรวม 97.0 ▸ ความมั่นคง 95.0 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 95.8 สุขภาพ และการศึกษา 100.0 | โครงสร้างพื้นฐาน 96.4
  • อันดับ 5 : เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ▸ คะแนนรวม 96.8 ▸ ความมั่นคง 95.0 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 94.9 | สุขภาพ และการศึกษา 100.0 | โครงสร้างพื้นฐาน 96.4
  • อันดับ 6 : ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ▸ คะแนนรวม 96.6 ▸ ความมั่นคง 95.0 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 94.4 | สุขภาพ และการศึกษา 100.0 | โครงสร้างพื้นฐาน 96.4
  • อันดับ 7 (ร่วม) : โอซากา ประเทศญี่ปุ่น ▸ คะแนนรวม 96.0 ▸ ความมั่นคง สุขภาพ และการศึกษา 100.0 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 86.8 | โครงสร้างพื้นฐาน 96.4
  • อันดับ 7 (ร่วม) : โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ▸ คะแนนรวม 96.0 ▸ ความมั่นคง 95.0 | สุขภาพ 95.8 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 97.9 | การศึกษา 100.0 | โครงสร้างพื้นฐาน 92.9
  • อันดับ 9 : แอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย ▸ คะแนนรวม 95.9 ▸ ความมั่นคง 95.0 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 91.4 | สุขภาพ และการศึกษา 100.0 | โครงสร้างพื้นฐาน 96.4
  • อันดับ 10 : แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ▸ คะแนนรวม 95.8 ▸ ความมั่นคง 95.0 | สุขภาพ 95.8 | วัฒนธรรม/สิ่งแวดล้อม 97.2 | การศึกษา 100.0 | โครงสร้างพื้นฐาน 92.9

ไทยจัดอยู่ในกลุ่มเมืองที่อันดับดีขึ้น

ในปี 2025 เมืองของประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มที่มีคะแนนและอันดับดีขึ้น โดย กรุงเทพมหานคร ได้รับคะแนน 69.4 อยู่อันดับที่ 116 ของโลก ขยับขึ้นจากปีก่อนถึง 6 อันดับ พร้อมกับคะแนนที่เพิ่มขึ้น 2.5 จุด

ขณะที่ จังหวัดเชียงใหม่ ก็แสดงศักยภาพไม่แพ้กัน โดยอยู่ในอันดับที่ 130 ด้วยคะแนน 63.8 และมีการปรับอันดับขึ้น 6 อันดับ เช่นเดียวกัน สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเมืองไทยในด้านคุณภาพชีวิต โครงสร้างพื้นฐาน และความยั่งยืนที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ฝั่งอเมริกาเหนือคะแนนลด

ในดัชนีความน่าอยู่ของ EIU ประจำปี 2025 เมือง 25 เมืองในอเมริกาเหนือ ได้คะแนนเฉลี่ยโดยรวมลดลงเล็กน้อยเหลือ 90.4 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เมืองในประเทศแคนาดา 4 เมือง มีคะแนนด้านการแพทย์ (Healthcare) ลดลง เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในประเด็นการระดมทุนให้ระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยเมืองแคลการี่ ตกลงจากอันดับ 5 มาอยู่ที่ 18 เป็นอันดับที่ตกมากที่สุด

นอกจากนี้ การบริหารแบบทรัมป์ในสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแผนลดงบประมาณด้านการศึกษาและการแพทย์ ส่งผลให้ภูมิภาคนี้ยังเสี่ยงต่อการลดอันดับในดัชนีปีหน้า

UK เสียคะแนนด้านความมั่นคง

เมืองใหญ่ของสหราชอาณาจักร 3 แห่ง ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ลอนดอน และเอดินบะระ มีอันดับลดลงในการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ โดยเฉพาะในหมวด ความมั่นคง (stability) ที่มีคะแนนลดลงอย่างเห็นได้ชัด

สาเหตุหลักมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในปี 2024 ซึ่งจุดชนวนมาจาก เหตุโจมตีศูนย์เด็กเล็กในเมืองเซาธ์พอร์ต โดยบุคคลหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้เด็กเสียชีวิตถึง 3 ราย นำไปสู่การก่อจลาจลและความตึงเครียดทางสังคมอย่างรุนแรงทั่วประเทศ

เมืองที่ไม่น่าอยู่ที่สุด จาก 173 เมือง

อันดับท้ายสุดของการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเมืองจากภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา โดย EIU ยังคงจัดให้ ดามัสกัส ประเทศซีเรีย เป็นเมืองที่มีความน่าอยู่น้อยที่สุดในโลก

แม้ซีเรียจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอย่างใหญ่หลวงในเดือนธันวาคม 2024 เมื่อรัฐบาลพรรคบาธที่ปกครองมายาวนานถึง 61 ปี ถูกโค่นล้มลง แต่คะแนนความน่าอยู่เฉลี่ยของเมืองดามัสกัสยังคงอยู่ที่ 30.7 จาก 100 คะแนน ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน โดยเฉพาะในด้าน ความมั่นคง และ การดูแลสุขภาพ ที่ยังคงได้คะแนนต่ำมาก

คะแนนรวมของดามัสกัสยังต่ำกว่าเมืองที่อยู่อันดับรองลงมาอย่าง ตริโปลี ประเทศลิเบีย ถึงเกือบ 10 คะแนน โดยตริโปลีเองก็ได้คะแนนความมั่นคงต่ำเช่นกัน และยังไม่เห็นพัฒนาการด้านความน่าอยู่จากปีก่อนเลย

Key Findings ที่น่าสนใจ

– ในดัชนีความน่าอยู่ของ EIU ประจำปี 2025 เมือง โคเปนเฮเกน ได้แซงหน้า เวียนนา ขึ้นแท่นเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก แม้ว่าเวียนนาจะทำคะแนนด้านการแพทย์ (healthcare) ได้ดีกว่า แต่โคเปนเฮเกนกลับได้คะแนนเต็ม 100 ในด้านความมั่นคง (stability), การศึกษา (education) และโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ส่งผลให้คว้าอันดับหนึ่งอย่างสมศักดิ์ศรี

– ด้านความมั่นคงของเวียนนาลดลงอย่างมาก จากเหตุการณ์ข่มขู่วางระเบิดก่อนคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่จัดขึ้นเมื่อฤดูร้อนปี 2024 และการค้นพบแผนก่อการร้ายที่สถานีรถไฟในเมืองช่วงต้นปี 2025 การถูกลดอันดับครั้งนี้จึงทำให้เวียนนาหยุดสถิติครองอันดับสูงสุดสามปี และมาอยู่อันดับสองร่วมกับซูริก สวิตเซอร์แลนด์

– คะแนนเฉลี่ยความน่าอยู่ทั้ง 173 เมืองของปีนี้ยังคงอยู่ที่ 76.1/100 เท่าเดิมกับปีก่อน โดยคะแนนด้านความมั่นคงลดลงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่สามารถทดแทนด้วยคะแนนด้านการศึกษา การแพทย์ และโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

– เมืองที่มีพัฒนาการโดดเด่นที่สุดในปีนี้คือ อัลโคบาร์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ปรับอันดับขึ้นมากถึง 13 อันดับ หลังจากคะแนนด้านการแพทย์และการศึกษาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ขึ้นสู่ตำแหน่งใหม่ได้อย่างก้าวกระโดด

– ทางฝั่งเอเชียแปซิฟิกมีความหลากหลายในคะแนนมากที่สุด ปีนี้เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดของภูมิภาค ได้อันดับ 4 ของโลก ขณะที่เมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ ร่วงลงไปอยู่อันดับ 171 (ลดลง 3 ตำแหน่ง) หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองในปี 2024