'อยู่รอดในวันที่โลกแตะ 40 องศา' ญี่ปุ่นทำได้อย่างไร วิธีที่ไทยต้องเรียนรู้

ลกร้อนจัดคร่าชีวิต! ยุโรปสังเวยกว่า 20,000 ศพในปี 2567 ญี่ปุ่นเร่งนำร่องรับมือด้วยนวัตกรรมปกป้องชีวิตทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
KEY
POINTS
- มีรายงานการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความร้อนมากกว่า 20,000 รายในยุโรปตะวันตกในปี 2567
- เมื่อความร้อนจัดกลายเป็นบรรทัดฐาน การเตรียมพร้อมสําหรับอุณหภูมิที่สูงขึ้นจึงกลายเป็นความจําเป็นระดับโลก
- ญี่ปุ่นเป็นผู้นําในเรื่องนี้ด้วยความคิดริเริ่มในการปกป้องประชาชนจากความร้อนจัดที่บ้านและที่ทํางาน
สถานการณ์คลื่นความร้อนรุนแรงกำลังกลายเป็น "เรื่องปกติ" (New Normal) ที่ทั่วโลกต้องเตรียมรับมือ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เตือนว่าทศวรรษที่ผ่านมาอุณหภูมิโลกสูงเป็นประวัติการณ์ และมีโอกาสถึง 80% ที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2024 จะถูกทำลายสถิติอีกครั้งภายในปี 2029
คลื่นความร้อนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนกำลังคุกคามสุขภาพผู้คนทั่วโลกอย่างร้ายแรง ในปี 2024 ยุโรปตะวันตกมีผู้เสียชีวิตจากความร้อนกว่า 20,000 ราย โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
ญี่ปุ่นก็เป็นอีกประเทศที่เผชิญฤดูร้อนที่ร้อนจัดเป็นพิเศษในปี 2024 มีมากกว่า 10 เมืองที่บันทึกวันที่มีอุณหภูมิเกิน 35 องศาเซลเซียส (เรียกว่า "วันร้อนจัดมาก") มากกว่า 50 วัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนสูงถึง 2,033 ราย ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด
คลื่นความร้อนของญี่ปุ่นในช่วงปี 2022–2024
- มิถุนายน 2022 : 40.2 °C ที่เมืองอิเสซากิ จังหวัดกุมมะ (วันที่ 25 มิ.ย. เป็นครั้งแรกที่มีอุณหภูมิ 40 °C ในเดือนมิถุนายน)
- สิงหาคม 2023 : วันที่ 5 ส.ค. เมืองเดะ จังหวัดฟุกุชิมะ ทำสถิติ 40.0 °C
- กรกฎาคม 2024 : เมืองชิซูโอกะ จังหวัดชิซูโอกะ และซาโนะ จังหวัดโทจิงิ แตะ 41.0 °C และเมืองอื่นอีกหลายแห่งเกิน 40 °C
ข้อมูลจากสำนักงานดับเพลิงโตเกียวระบุว่า ผู้ป่วยโรคลมแดดที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลในโตเกียวมากกว่าครึ่งมีอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 80 ปีมีจำนวนมากที่สุด ตามมาด้วยกลุ่มอายุ 70 ปี รายงานจากสำนักงานบริหารจัดการอัคคีภัยและภัยพิบัติของญี่ปุ่น (มิถุนายน-กันยายน 2024) ชี้ว่า สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ลมแดดบ่อยที่สุดคือที่พักอาศัยส่วนตัว (38%) ตามมาด้วยถนน (19%) พื้นที่สาธารณะกลางแจ้ง (13%) และสถานที่ทำงาน เช่น ไซต์ก่อสร้างและโรงงาน (10.1%)
มาตรการรับมือคลื่นความร้อนในญี่ปุ่น: จากกฎหมายสู่เทคโนโลยีและชุมชน
เพื่อจัดการกับความเสี่ยงจากความร้อนในที่ทำงาน ญี่ปุ่นได้เสริมความแข็งแกร่งด้านกฎระเบียบ โดยมีกฎหมายใหม่ เรื่อง “การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในอุตสาหกรรม” มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2025
นายจ้างจะต้องใช้มาตรการป้องกันโรคลมแดด ซึ่งเป็นผลจากการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยในที่ทำงาน เนื่องจากเหตุการณ์ความร้อนรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น
- ขอบเขตการบังคับใช้ มีดังนี้
- ครอบคลุม “งานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมแดด” ได้แก่ กรณีที่ WBGT ≥ 28 °C หรืออุณหภูมิ ≥ 31 °C
- งานที่ทำงานอย่างน้อยชั่วโมงต่อเนื่อง หรือ รวม 4 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป
- หน้าที่ที่นายจ้างต้องปฏิบัติ มีดังนี้
1. จัดตั้งระบบแจ้งเตือน : ต้องกำหนดระบบที่ชัดเจนให้พนักงาน หรือผู้ร่วมงานสามารถรายงานได้ทันทีเมื่อพบอาการที่อาจเป็นโรคลมแดด เช่น เวียนหัว อ่อนเพลีย หรือรู้สึกผิดปกติ
2. จัดทำแนวปฏิบัติฉุกเฉิน (Procedure) : นายจ้างต้องจัดทำแนวทางประจำสถานที่ทำงาน เช่น ให้พนักงานหยุดพัก ออกจากพื้นที่ทำงานทันที ให้ความเย็นแก่ร่างกาย เช่น ใช้เครื่องปรับอากาศ, ผ้าเย็น ดำเนินการส่งไปพบแพทย์หรือรับการรักษาเมื่อจำเป็น จัดตั้งเครือข่ายฉุกเฉิน เช่น รายชื่อผู้รับผิดชอบและสถานพยาบาลในพื้นที่
3. ประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ : แนวทางและขั้นตอนเหล่านี้ต้องถูก ประชาสัมพันธ์ให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องรู้ ล่วงหน้าด้วยช่องทางหลากหลาย เช่น ป้ายประกาศ บอร์ด ประชุม รายการอีเมล หรือเอกสารแจก เป็นต้น
- บทลงโทษหากฝ่าฝืน มีดังนี้
หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม จะถือว่าละเมิดพระราชกฤษฎีกาด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย มีโทษตามกฎหมายอาชีวอนามัย
- ปรับสูงสุดถึง 50 แสนเยน หรือ
- จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
เสริมความพร้อมของครัวเรือนผ่านความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน
เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงต่อโรคลมแดดที่บ้านก็สูงขึ้นตามไปด้วย กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นเผยว่า เกือบ 90% ของผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดที่บ้าน ไม่ได้ใช้เครื่องปรับอากาศ การส่งเสริมการใช้ระบบทำความเย็นที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ในครัวเรือนจึงเป็นวาระเร่งด่วน
แม้ในอดีตรัฐบาลญี่ปุ่นจะเคยขอความร่วมมือประหยัดพลังงานในช่วงฤดูร้อน แต่สำหรับปี 2568 รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นประกาศว่าจะ ไม่ขอความร่วมมือดังกล่าวในช่วงฤดูร้อนอีกต่อไป เนื่องจากมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพียงพอ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีก็ยังเตือนถึงความเสี่ยงจากสภาพอากาศที่รุนแรงและโรงไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมของครัวเรือน หลายเทศบาล รวมถึงโตเกียว โอซาก้า ฟุกุโอกะ โยโกฮามา และนาโกย่า ได้เริ่ม ให้เงินอุดหนุนสำหรับการซื้อเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน เพื่อสนับสนุนการอัปเกรดและการติดตั้งใหม่
เมื่อเดือน พ.ค. รัฐบาลมหานครโตเกียวเสนอ งบประมาณเพิ่มเติม 3.68 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อยกเว้นค่าบริการน้ำประปาพื้นฐานสำหรับทุกครัวเรือนเป็นเวลาสี่เดือนในช่วงฤดูร้อน โดยหวังว่าจะช่วยลดภาระทางการเงินท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น กระตุ้นให้มีการใช้เครื่องปรับอากาศ และลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความร้อน
นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรมในระดับชุมชน ที่ดำเนินการในท้องถิ่น เช่น เขตชินางาวะในโตเกียว ได้เปิดโครงการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไป สองครั้งระหว่างปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายน โดยเจ้าหน้าที่จะแจกเครื่องดื่มเกลือแร่ฟรีและตรวจสอบความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันโรคลมแดดและเสริมสร้างเครือข่ายสนับสนุนในท้องถิ่นสำหรับกลุ่มเปราะบาง
ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อป้องกันโรคลมแดดที่บ้าน
แม้เครื่องปรับอากาศยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคลมแดด แต่ระดับอุณหภูมิและความชื้นภายในอาคารอาจแตกต่างกันไปในแต่ละห้อง ทำให้การป้องกันไม่สม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้ ความสนใจใน เทคโนโลยีอัจฉริยะที่รองรับการตรวจสอบแบบเรียลไทม์และการจัดการความเสี่ยงจากความร้อนที่ดีขึ้นที่บ้าน จึงเพิ่มขึ้น
- Misawa Homes เสนอบริการ LinkGates ซึ่งเป็นบริการ IoT ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบอุณหภูมิห้องและควบคุมเครื่องปรับอากาศจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน ระบบยังรวมฟังก์ชันแจ้งเตือนโรคลมแดดที่จะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่ออุณหภูมิภายในอาคารเกินเกณฑ์สำคัญ
- SwitchBot ผู้ให้บริการอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ได้ส่งเสริมโซลูชันที่รวม Hub 2 ซึ่งตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้น เข้ากับกล้องวงจรปิด 3MP การตั้งค่านี้ช่วยให้ครอบครัวสามารถสังเกตสภาพของเด็กหรือผู้สูงอายุในห้องอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ และตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของอาการที่เกี่ยวข้องกับความร้อนได้
เทคโนโลยีสวมใส่ (Wearable technology) ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อน Canaria Heatstroke Prevention Watch เป็นอุปกรณ์สวมข้อมือที่ตรวจจับอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้เริ่มต้นของภาวะเครียดจากความร้อน อุปกรณ์จะแจ้งเตือนผู้ใช้ด้วยเสียงและการสั่นสะเทือนเมื่อระดับความเสี่ยงสูงขึ้น รัฐบาลมหานครโตเกียวกำลังแจกจ่ายอุปกรณ์เหล่านี้ให้กับผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ครูและนักเรียนในโรงเรียนรัฐบาล รวมถึงผู้ทำงานกลางแจ้งที่จำเป็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านสาธารณสุขในวงกว้าง
ปกป้องผู้คนจากความร้อนจัดและสร้างความยืดหยุ่นของสังคม
คลื่นความร้อนที่ผ่านมาได้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากและส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างกว้างขวางทั่วโลก รายงานของ World Economic Forum ชี้ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากความร้อนจัดในปัจจุบันมีมากกว่าผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม พายุเฮอริเคน แผ่นดินไหว และไฟป่ารวมกัน
การรับมือกับภัยคุกคามจากความร้อนจัดต้องอาศัย การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืนในระยะยาว ที่สำคัญไม่แพ้กันคือมาตรการเร่งด่วนที่ปกป้องกลุ่มเปราะบางที่สุดจากความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความร้อน การเพิ่มความพร้อมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน จะช่วยรักษาชีวิตและสร้างความยืดหยุ่นของสังคมต่อคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้นที่คาดการณ์ไว้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ที่มา : World Economic Forum







