‘หิ่งห้อย’ ใกล้สูญพันธุ์ ถิ่นที่อยู่น้อยลง กลางคืนสว่างมากเกินไป

‘หิ่งห้อย’ ใกล้สูญพันธุ์ ถิ่นที่อยู่น้อยลง กลางคืนสว่างมากเกินไป

เราเป็นคนรุ่นสุดท้ายที่จะได้เห็น “หิ่งห้อย” ? หลังแมลงเรืองแสงชนิดนี้กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่สายที่จะเร่งอนุรักษ์สายพันธุ์แมลงเหล่านี้

KEY

POINTS

  • ประชากรหิ่งห้อยกำลังลดลง ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยลดลง และแสงประดิษฐ์ที่มากเกินไป
  • แหล่งที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยมีความเปราะบางอย่างมาก หากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปแม้เพียงเล็กน้อยก็จะไม่สามารถอยู่อาศัยได้
  • เมื่อจำนวนสายพันธุ์ของหิ่งห้อยลดน้อยลง นั่นก็เท่ากับว่าความหลากหลายทางชีวภาพกำลังลดน้อยลง

จากการศึกษาของ Firefly Watch โครงการวิทยาศาสตร์พลเมือง ที่รวบรวมข้อมูลการสำรวจ 24,000 ครั้งในอเมริกาเหนือ พบว่าประชากรหิ่งห้อยในอเมริกาเหนือกำลังลดลง ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยลดลง และแสงประดิษฐ์ที่มากเกินไป

หิ่งห้อยในอเมริกาเหนือมักอาศัยอยู่ทางตะวันออกของเทือกเขาร็อกกีและชอบสภาพอากาศที่ชื้นแฉะมากกว่าสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ตามรายงานของ Firefly Conservation & Research องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำงานเพื่อให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับหิ่งห้อย ระบุว่า แมลงเรืองแสงเหล่านี้มักพบในพื้นที่ที่มีน้ำนิ่งและหญ้าสูง หรือพื้นที่ป่าที่มีน้ำนิ่งในช่วงฤดูผสมพันธุ์

แหล่งที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยมีความเปราะบางอย่างมาก หากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปแม้เพียงเล็กน้อย เช่น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และระดับน้ำใต้ดินที่ลดลง หิ่งห้อยเหล่านี้ก็จะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ยิ่งในปัจจุบันที่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นปัญหาใหญ่ ก็ยิ่งทำให้หิ่งห้อยมีที่อยู่อาศัยลดน้อยลง

ดาริน แม็คนีล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านนิเวศวิทยาสัตว์ป่าและการจัดการที่มหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของอุณหภูมิและสภาพอากาศ ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวงจรการสืบพันธุ์ของหิ่งห้อยและคุณภาพของที่อยู่อาศัย”

การทำลายพื้นที่ป่าเพื่อขยายเมือง เป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักที่สร้างผลกระทบหลากหลายประการให้แก่หิ่งห้อย ไม่เพียงแต่จะทำลายที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่การขยายตัวของเมืองยังทำให้สารกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนเข้าสู่สิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำลายความหลากหลายทางชีวภาพของหิ่งห้อย เพราะหิ่งห้อยจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้หากไม่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

ตามที่ซาราห์ โลเวอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยบัคเนลล์กล่าวไว้ว่า หิ่งห้อยบางสายพันธุ์ เช่น หิ่งห้อยเบธานีบีช ซึ่งพบในบริเวณชายฝั่งเดลาแวร์ แมริแลนด์ และเวอร์จิเนีย แต่เมื่อมีการพัฒนาบ้านริมชายหาดและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ หิ่งห้อยเหล่านี้ก็เริ่มไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งหากเมืองพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ หิ่งห้อยชนิดนี้ก็อาจสูญพันธุ์ไปในที่สุด

ปัจจุบันสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN) ขึ้นบัญชีแมลงปีกแข็งมากกว่า 70 สายพันธุ์ว่าใกล้สูญพันธุ์ โดยหิ่งห้อยเบธานีบีชถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง” เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งซึ่งทำให้ที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยเบธานีบีชลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเหลือไม่ถึง 1,000 ตัว

ในปี 2019 พื้นที่เบรกวอเตอร์บีช ที่รัฐนิวเจอร์ซี ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีหิ่งห้อยเบธานีบีชอาศัยมากที่สุดถูกทำลายลงเพื่อสร้างเมือง มีรายงานว่าผู้พัฒนาเมืองพบช่องโหว่ในนโยบายปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำที่กำหนด จึงสามารถดำเนินโครงการในพื้นที่ดังกล่าวได้

‘หิ่งห้อย’ ใกล้สูญพันธุ์ ถิ่นที่อยู่น้อยลง กลางคืนสว่างมากเกินไป

หิ่งห้อยเบธานีบีช
เครดิตภาพ: Jason Davis/Delaware Department of Natural Resources and Environmental Control

ขณะเดียวกัน การขยายตัวของเมืองยังทำให้มี “แสงประดิษฐ์” เพิ่มขึ้นด้วย โดยแสงไฟจากบ้านเรือน แสงจ้าจากจอ LED ไฟ ตลอดจนไฟถนนล้วนขัดขวางการเปล่งแสงแมลงเหล่านี้ ซึ่งอาจส่งผลให้การสืบพันธุ์ลดลง

ส่วนตัวอ่อนหิ่งห้อยซึ่งอาศัยอยู่ในดินนั้นมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของแสงเป็นพิเศษ เพราะแสงประดิษฐ์อาจเปลี่ยนแปลงวงจรการพัฒนาและทำให้อัตราการรอดชีวิตลดลง อีกทั้งตัวอ่อนของหิ่งห้อยยังต้องอาศัยสภาพดินที่ชื้น เพื่อล่อให้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีลำตัวนิ่ม เช่น หอยทากและทาก ซึ่งเป็นอาหารของพวกมันเข้ามาใกล้

มีหิ่งห้อยหลายสายพันธุ์ที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันได้ เช่น สายพันธุ์ที่มีถิ่นที่อยู่เหลือน้อย หรือแหล่งที่อยู่อาศัยของไบโอมและพืชพรรณเฉพาะ ซึ่งหิ่งห้อยเหล่านี้กำลังมีจำนวนลดน้อยลง และกำลังถูกแทนที่ด้วยหิ่งห้อยสายพันธุ์ตะวันออก (Photinus pyralis) ที่อาศัยอยู่ได้ทั่วไปและสามารถทนต่อแหล่งที่อยู่อาศัยประเภทต่าง ๆ ได้มากกว่า และเมื่อจำนวนสายพันธุ์ของหิ่งห้อยลดน้อยลง นั่นก็เท่ากับว่าความหลากหลายทางชีวภาพกำลังลดน้อยลง

แม้ว่าหิ่งห้อยจะสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยไป ก็ยังพอมีวิธีที่ทำให้จำนวนประชากรหิ่งห้อยกลับมาอีกครั้ง ด้วยการลดมลภาวะทางแสงได้โดยใช้แสงไฟที่เป็นมิตรกับท้องฟ้ายามค่ำคืน หรือปิดไฟฟ้าดวงที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งใช้ยาฆ่าแมลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้รักษาถิ่นที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยไว้ได้

“แม้ว่าหิ่งห้อยจะหายไปในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยจากการพัฒนาที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม แต่หิ่งห้อยกลับเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่ได้รับการคุ้มครอง” เบน ไฟฟ์เฟอร์ ผู้ก่อตั้ง Firefly Conservation and Research และนักธรรมชาติวิทยาผู้เชี่ยวชาญกล่าว

มนุษย์ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนสัตว์หลายชนิดปรับตัวไม่ทัน หิ่งห้อยก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ในตอนนี้เรายังมีโอกาสที่สามารถช่วยเหลือพวกมันได้ ก่อนที่สุดท้ายแล้วสัตว์เรืองแสงเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่แค่เพียงในหนังสือและความทรงจำที่คนรุ่นหลังไม่มีทางได้เห็นอีกเลย


ที่มา: AP NewsDiscover MagazineThe Guardian