ปล่อย ‘ยุง’ 40 ล้านตัว รักษาชีวิต ‘นกท้องถิ่น’ ของ ‘ฮาวาย’ 

ปล่อย ‘ยุง’ 40 ล้านตัว รักษาชีวิต ‘นกท้องถิ่น’ ของ ‘ฮาวาย’ 

“ฮาวาย” ใช้โดรนขนาดยักษ์ปล่อย “ยุง” กว่า 40 ล้านตัว เหนือป่าห่างไกลทั่วเกาะ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตินกท้องถิ่นสูญพันธุ์

KEY

POINTS

  • นกท้องถิ่นของฮาวายหลายชนิดกำลังจะสูญพันธุ์ เนื่องจากโรคมาลาเรีย
  • นักวิทยาศาสตร์ใช้โดรนปล่อยยุงตัวผู้ที่ถูกเพาะเลี้ยงในห้องเล็บด้วยเทคนิคแมลงที่เข้ากันไม่ได้ เพื่อลดจำนวนยุงในพื้นที่
  • ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 กลุ่มองค์กรที่รู้จักกันในชื่อ Birds, Not Mosquitoes ได้ปล่อยยุงตัวผู้มากกว่า 40 ล้านตัว 

ฮาวายกำลังเผชิญกับวิกฤติการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมามีสัตว์ที่มีเฉพาะในฮาวายหลายร้อยสายพันธุ์สูญพันธุ์ไป รวมถึงหอยทากและนกหลายสิบชนิด ส่วนใหญ่เกิดจากการแพร่กระจายของสายพันธุ์ต่างถิ่น เช่น แมวจรจัดและหมูป่า และมีสัตว์หลายชนิดที่กำลังจะสูญพันธุ์ไป นักวิทยาศาสตร์บนเกาะต่าง ๆ กำลังเร่งช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ยังคงเหลืออยู่

นกท้องถิ่นของฮาวายหลายชนิดกำลังจะสูญพันธุ์ เนื่องจากโรคมาลาเรีย ที่มียุงเป็นพาหะ ซึ่งนกเหล่านี้มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมพื้นเมืองฮาวาย นักวิจัยจึงจำเป็นต้องหาทางรักษาพวกมันไว้ให้ได้

ยุงถือเป็น “เอเลี่ยนสปีชีส์” ของฮาวาย ถูกนำเข้ามาในพื้นที่ในช่วงยุค 1800 โดยเรือล่าปลาวาฬ และแพร่พันธุ์ไปทั่วเกาะในเวลาอันรวดเร็ว เพียงไม่นานพวกมันก็แพร่โรคมาลาเรียให้แก่นก จนทำให้ “นกฮันนี่ครีปเปอร์” สูญพันธุ์ไปแล้ว 33 สายพันธุ์จากเดิมที่มีอยู่มากกว่า 50 สายพันธุ์ทั่วทั้งฮาวาย 

รวมถึงนกกีวิกิและอาโกเฮโกเฮบนเกาะเมาวี และนกอาเกคีบนเกาะคาไว ล้วนอยู่ในข่ายใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง โดยนกกีวิกิหรือนกแก้วปากแหลมเมาวี พบตามไหล่เขาฮาเลอาคาลา เหลือน้อยกว่า 150 ตัว ส่วนนกอะโคเฮโคเฮหรือนกกินแมลงชนิดหงอน ซึ่งอยู่ในป่าสูงของฮาเลอาคาลา มีจำนวนน้อยกว่า 2,000 ตัว

นกฮันนี่ครีปเปอร์บางชนิดเอาชีวิตรอดจากมาลาเรียได้ เนื่องจากนกเหล่านี้อาศัยอยู่ในพื้นที่สูงซึ่งหนาวเกินกว่าที่ยุงจะอาศัยอยู่ได้ แต่ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้หมู่เกาะนี้อบอุ่นขึ้น ทำให้ยุงเริ่มบุกไปยังแหล่งที่อยู่อาศัยของนกฮันนี่ครีปเปอร์ เพื่อช่วยนกเหล่านี้นักวิจัยจึงปล่อยยุงเข้าไปในป่า

ปล่อย ‘ยุง’ 40 ล้านตัว รักษาชีวิต ‘นกท้องถิ่น’ ของ ‘ฮาวาย’ 

นักวิทยาศาสตร์ใช้โดรนปล่อยยุงในป่าของฮาวาย
เครดิตภาพ: Adam Knox/American Bird Conservancy

เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่กลุ่มองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมได้ใช้โดรนปล่อยภาชนะที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งบรรจุยุงไว้จำนวนมาก ลงในแหล่งที่อยู่อาศัยของนกฮันนี่ครีปเปอร์บนเกาะเมาวีและเกาะคาไว เมื่อภาชนะตกลงบนพื้นป่า ยุงเหล่านี้ก็จะบินกระจายตัวเข้าไปในป่า

“ภาชนะบรรจุยุงทำจากเยื่อกระดาษที่ย่อยสลายได้ผ่านการฆ่าเชื้อและไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เมื่อปล่อยจากอากาศแล้ว ยุงจะตกลงสู่พื้นป่าซึ่งช่วยปกป้องยุงจนกว่าจะพร้อมที่จะบินหนี จากนั้น ยุงจะเริ่มสลายตัวเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศ” อดัม น็อค นักบินโดรนและผู้จัดการโครงการปล่อยยุงทางอากาศที่ American Bird Conservancy กล่าว

ยุงที่เอามาปล่อยไม่ใช่ยุงธรรมดาทั่วไป แต่ยุงเหล่านี้เป็นยุงตัวผู้ที่ไม่กัด และถูกเพาะเลี้ยงในห้องเล็บด้วยเทคนิคแมลงที่เข้ากันไม่ได้ หรือ IIT (Incompatible Insect Technique) ซึ่งมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่าโวลบาเคีย คอยขัดขวางการสืบพันธุ์ เมื่อตัวผู้ผสมพันธุ์กับตัวเมียในพื้นที่ ไข่ของพวกมันก็จะไม่สามารถฟักออกมาเป็นตัวได้

คริส ฟาร์เมอร์ ผู้อำนวยการโครงการ American Bird Conservancy กลุ่มอนุรักษ์ที่นำโดรนปล่อยยุงเหล่านี้ กล่าวว่าแนวคิดของโครงการนี้คือ ปล่อยยุงตัวที่ผ่านเทคนิค IIT ในแหล่งที่อยู่อาศัยนกฮันนี่ครีปเปอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดจำนวนยุงในพื้นที่และยับยั้งการแพร่กระจายของโรค พร้อมระบุว่าแนวทางนี้มีข้อเสียทางระบบนิเวศเพียงเล็กน้อย ยุงไม่ใช่สัตว์พื้นเมือง ดังนั้นระบบนิเวศและสายพันธุ์ในท้องถิ่นจึงไม่ต้องพึ่งพายุง

“การกระทำนี้จะสร้างสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น เพื่อไม่ให้ยุงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่นกเหล่านี้อาศัยอยู่ได้” Farmer กล่าวกับ Vox

ปล่อย ‘ยุง’ 40 ล้านตัว รักษาชีวิต ‘นกท้องถิ่น’ ของ ‘ฮาวาย’ 

นกกีวิกิ

ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 กลุ่มองค์กรที่รู้จักกันในชื่อ Birds, Not Mosquitoes ได้ปล่อยยุงตัวผู้มากกว่า 40 ล้านตัวทั่วเกาะเมาวีและเกาะคาไว โดยเดิมทีใช้วิธีการปล่อยจากเฮลิคอปเตอร์ แต่ในตอนนี้กำลังทดลองใช้โดรนแทน 

แม้ว่าเฮลิคอปเตอร์จะสามารถบรรทุกยุงได้มากกว่าโดรนในหนึ่งเที่ยวบิน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 250,000 ตัว เมื่อเทียบกับ 23,000 ตัว แต่โดรนมีความปลอดภัยมากกว่าเนื่องจากไม่มีคนควบคุม นอกจากนี้ โดรนยังบินได้ง่ายกว่าอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม คริสตา เซดล์ ผู้ประสานงานการวิจัยและควบคุมยุงจากโครงการฟื้นฟูนกป่าเมานี ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำด้านการอนุรักษ์นกบนเกาะ กล่าวว่าในตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการปล่อยยุงเหล่านี้จะช่วยให้จำนวนยุงลดลงจริงหรือไม่ ยังคงต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมต่อไป แม้ว่าเทคนิค IIT จะใช้ได้ผลในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออก ไข้ซิกา และชิคุนกุนยา เท็กซัสและแคลิฟอร์เนีย รวมถึงเม็กซิโก สิงคโปร์ ไทย และออสเตรเลียในก็ตาม

ในท้ายที่สุด เป้าหมายของโครงการนี้ไม่ได้อยู่ที่การกำจัดยุงที่แพร่เชื้อมาลาเรียในนกให้หมดสิ้นในฮาวายในทันที เว้นแต่ว่านัก วิทยาศาสตร์จะสามารถปล่อยยุงที่ถูกเลี้ยงด้วยเทคนิค IIT ได้หลายล้านหรือหลายพันล้านตัวในคราวเดียว

สำหรับตอนนี้ แผนคือการปล่อยยุงในพื้นที่ป่าที่มีนกที่ใกล้สูญพันธุ์อาศัยอยู่อย่างสม่ำเสมอไปเรื่อย ๆ ซึ่งหากการใช้โดรนดำเนินได้ดี ไม่มีปัญหาด้านกฎระเบียบหรือด้านเทคนิค ก็จะนำมาใช้อย่างเป็นทางการ

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตนกฮันนี่ครีปเปอร์ให้อยู่รอด เรามีเทคโนโลยีที่จะทำลายวงจรโรคของนกในฮาวาย และมีโอกาสต่อสู้เพื่อฟื้นฟูประชากรนก เราคือคนรุ่นที่สามารถช่วยชีวิตนกเหล่านี้” ฟาร์เมอร์กล่าว 

คณะกรรมการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของรัฐ รวมถึงกรมอุทยานแห่งชาติได้อนุมัติการประเมินสิ่งแวดล้อม 300 หน้าและพบว่าโครงการนี้ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ แต่ Hawaii Unites องค์กรสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าจำเป็นต้องมีคำชี้แจงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมมากขึ้น แม้ว่าศาลจะตัดสินแล้วก็ตาม


ที่มา: ForbesStar AdvertiserVOX