'ธนาคารโลก' ชี้ TOD คือคำตอบ เมืองเดินได้-ลดรถยนต์-ดึงเงินลงทุนสีเขียว

'ธนาคารโลก' ชี้ TOD คือคำตอบ เมืองเดินได้-ลดรถยนต์-ดึงเงินลงทุนสีเขียว

ธนาคารโลก ชี้ว่าเมืองมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้องมองเมืองเป็น “ระบบสิ่งมีชีวิต” แนวคิด “SymbioCities” เมืองคือระบบนิเวศ เสนอแนวทางบูรณาการที่ดิน น้ำ พลังงาน และธรรมชาติเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเมืองที่ยั่งยืน

KEY

POINTS

  • งานสัมมนาใหญ่ "Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action"
  • ธนาคารโลก ชี้ว่าเมืองมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้องมองเมืองเป็น “ระบบสิ่งมีชีวิต”
  • แนวคิด “SymbioCities” เมืองคือระบบนิเวศ
  • เสนอแนวทางบูรณาการที่ดิน น้ำ พลังงาน และธรรมชาติเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเมืองที่ยั่งยืน
  • 4 แนวทางหลักสู่เมือง Net Zero
  • ว่าการลงทุนภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวอาจสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์/ปี หากปรับกฎหมายที่ดิน
  • การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน้ำ ลดความเสี่ยงน้ำท่วม-ภัยแล้ง
  • ประเทศไทยมีแผนแม่บท 9 ด้านเพื่อรับมือน้ำท่วม
  • แผนนี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนเอกชน

“เนชั่นกรุ๊ป” โดย ฐานเศรษฐกิจ และ Thandigital จัดงานสัมมนาใหญ่แห่งปี “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” โดยได้รับเกียรติจาก “เมลินดา กู้ด" (Melinda Good) ผู้อํานวยการธนาคารโลกประจําประเทศไทยและประเทศเมียนมา กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Sustainable Urban Solutions: Cities of the Future (แนวทางแก้ไขปัญหาเมืองอย่างยั่งยืน: เมืองแห่งอนาคต) โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเมืองในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะเมืองเป็นมากกว่าอาคาร ถนน และระบบขนส่ง แต่คือระบบสิ่งมีชีวิตที่เป็นศูนย์รวมของผู้คน ความพยายาม และความฝัน และหากเราสามารถทำให้เมืองดำเนินไปอย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และอนาคต

SymbioCities ระบบนิเวศเมืองต้นแบบ

"เมลินดา" ได้กล่าวถึงแนวคิด "SymbioCities" ซึ่งเป็นต้นแบบของสแกนดิเนเวีย ที่มองเมืองในฐานะระบบนิเวศที่ต้องทำงานร่วมกันในด้านที่ดิน น้ำ การขนส่ง พลังงาน และที่สำคัญคือโซลูชันที่อาศัยธรรมชาติ เพื่อให้เกิดวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง และได้นำเสนอ 4 แนวทางหลักในการขับเคลื่อนเมืองสู่ Net Zero

1. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมที่เชื่อมโยงกับชุมชน (Transit-Oriented Development - TOD)

2. ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ

3. โซลูชันแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-Based Solutions - NBS)

4. การเงินเชิงนวัตกรรม

\'ธนาคารโลก\' ชี้ TOD คือคำตอบ เมืองเดินได้-ลดรถยนต์-ดึงเงินลงทุนสีเขียว

แนวคิด TOD ชุมชนเดินได้ แหล่งเศรษฐกิจ

“เมลินดา” แนะนำแนวคิด Transit-Oriented Development (TOD) มีเป้าหมายที่จะนำผู้คนให้ใกล้ชิดกับโอกาสมากขึ้น สร้างชุมชนที่มีชีวิตชีวาและเดินได้ และที่สำคัญคือช่วยลดการใช้รถยนต์และการเดินทาง เมืองต่างๆ เช่น ขอนแก่น และพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ เริ่มนำแนวคิด TOD มาใช้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่

คาดการณ์ว่า TOD สามารถระดมการลงทุนภาคเอกชนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวได้สูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หากมีการปรับกฎระเบียบที่ดินและการจัดเก็บมูลค่าเพิ่ม

ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน้ำ

เมืองต่างๆ ทั่วประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม โดยมีการสูญเสียน้ำมากถึง 40% จากโครงสร้างพื้นฐานที่เก่าแก่และการรั่วไหล อย่างไรก็ตาม ก็มีตัวอย่างความสำเร็จ เช่น จังหวัดนครสวรรค์ ที่สามารถรวมระบบน้ำประปาที่ปลอดภัยเข้ากับการบำบัดน้ำเสีย ทำให้ใจกลางเมืองได้รับการฟื้นฟูและเป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถรวมตัวกันได้อย่างน่ารัก

สำหรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ปัญหาการขาดแคลนน้ำกำลังเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

“เมลินดา” เน้นย้ำว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน้ำมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่น่าดึงดูด และได้ยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใน เมืองเซาเปาโล ประเทศโปรตุเกส ที่ช่วยลดการสูญเสียน้ำได้ 40% ผ่านการตรวจจับการรั่วไหล และเมืองแฝดดิจิทัลในอิสตันบูล ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและพลังงาน

ชื่นชมแผน 9 ด้าน ของไทย

ในด้านการรับมือน้ำท่วม ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นที่ตั้งของประชากร 40% ของประเทศไทย และสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ถึงสองในสาม หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ประเทศไทยได้พัฒนา "แผน 9 ด้าน" ซึ่งเป็นแผนแม่บทที่ครอบคลุมสำหรับการบรรเทาอุทกภัยและการลงทุน ซึ่งต้องใช้งบประมาณประมาณ 12.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แผนนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมและเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชน ธนาคารโลกมีความภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับประเทศไทยในแผนนี้

โซลูชันอาศัยธรรมชาติ ของนานาประเทศ

โซลูชันที่อาศัยธรรมชาติ (Nature-Based Solutions - NBS) เช่น การฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่ง สามารถลดความเสี่ยงน้ำท่วม ลดความร้อนในเมือง ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ และมักมีต้นทุนต่ำกว่าโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม ตัวอย่างจากทั่วโลก ได้แก่ "เมืองฟองน้ำ" ของจีนที่ใช้พื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นผิวที่ซึมน้ำได้ การฟื้นฟูสวนริมแม่น้ำในจาการ์ตา และโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวของศรีลังกาที่ใช้การจัดเก็บมูลค่าที่ดินเพื่อช่วยในการจัดหาเงินทุน

ในประเทศไทย การฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่งจะช่วยเพิ่มทั้งการป้องกันน้ำท่วมและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและภาคประมงที่สร้างรายได้ประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

นอกจากนี้ยังมีการใช้ระบบไบโอสเวลล์ (bioswales) และสวนทะเลในเมือง รวมถึงการสร้างหลังคาสีเขียวและสวนแนวตั้ง อย่างไรก็ตาม การนำ NBS มาใช้ต้องอาศัยการวางแผนล่วงหน้า การมีส่วนร่วมของชุมชน และการนำนวัตกรรมมาใช้ในการวางแผนงบประมาณของเมือง

งบประมาณของรัฐฯ อย่างเดียวไม่พอ

“เมลินดา” เน้นย้ำว่า งบประมาณของรัฐบาลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ จำเป็นต้องสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ธนาคารโลกกำลังร่วมมือกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการคลัง ในโครงการ "เมืองคาร์บอนต่ำและการพัฒนาตลาดคาร์บอน" ซึ่งจะช่วยให้เมืองไทยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างแพลตฟอร์มในการวัดผล การรวบรวม และการสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตสำหรับตลาดระหว่างประเทศและในประเทศ

สวิต-ไทย คาร์บอนเครดิต คู่แรกของโลก

“เมลินดา” ยกตัวอย่างโครงการความร่วมมือสวิตเซอร์แลนด์กับไทย “รถโดยสารประจำทางไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร” (Bangkok E-Bus Programme) ซึ่งเป็นการส่งมอบคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศโครงการแรกของโลก ภายใต้มาตรา 6.2 ของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการเงินคาร์บอนในระดับเมือง

การรวบรวมคาร์บอนเครดิตในเมืองสามารถสร้างมูลค่าสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในทศวรรษหน้า ธนาคารโลก (World Bank) ยังสนับสนุนการจัดโครงสร้างการลงทุนที่อิงตามรายได้ เช่น ในโครงการ TOD และการผสานแหล่งเงินทุนแบบดั้งเดิมเข้ากับตลาดสีเขียว สีฟ้า ตลาดคาร์บอน และเงินทุนที่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เป้าหมายคือการสร้างเมืองที่ไม่เพียงแต่พร้อมรับมือกับสภาพภูมิอากาศ แต่ยังพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต

“เมลินดา” กล่าวปิดท้ายว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศในปีหน้า เธอมองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้แสดงให้โลกเห็นถึงความก้าวหน้าที่แท้จริงในการสร้างเมืองที่สะอาดขึ้น เย็นขึ้น ปลอดภัยขึ้น และพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต ธนาคารโลกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับประเทศไทยในเรื่องนี้