'กฟผ.' มุ่งเพิ่มพลังงานหมุนเวียน ผนึกเทคโนโลยี-ดูแลค่าไฟและความมั่นคงระบบ

ดร. ณัฐจารี ศรีเพชร ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวในงานสัมมนา “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” ในหัวข้อ  Mobilix กรีนโลจิสติกส์ครบวงจร และอนาคตระบบนิเวศโลจิสติกส์ยานยนต์ไฟฟ้า จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ ว่า   กฟผ. ในการเป็น "หนึ่งในแผนปฏิบัติการสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเนี่ย สามารถบรรลุเป้าหมายวัตถุประสงค์ในเรื่องของเน็ต zero ได้" โดยมีเป้าหมายหลักคือ Carbon Neutrality ภายในปี 2593 และ Net Zero ภายในปี 2603-2611 

แผน PDP 2024 (ร่าง): หมุดหมายสู่พลังงานสะอาด

ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) 2567 ชี้ชัดถึงความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอน โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานหมุนเวียน (RE) เป็น 51% ภายในปี 2580 ขณะเดียวกันจะลดสัดส่วนการใช้ถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 19% ในปี 2567 เหลือเพียงประมาณ 7% ในปลายแผน อย่างไรก็ตาม กฟผ. ยังคงให้ความสำคัญกับ ความมั่นคง ของระบบไฟฟ้า และการบริหารจัดการ ค่าไฟฟ้าไม่ให้เกิน 4 บาท โดยการกระจายเชื้อเพลิงให้เหมาะสม

กลยุทธ์ Carbon Neutrality ของ กฟผ. กับ 3 เสาหลัก

กฟผ. ได้ประกาศนโยบาย Carbon Neutrality ของตนเอง โดยในฐานะผู้รักษาความมั่นคงด้านพลังงาน กฟผ. มุ่งดูแล 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ความมั่นคงของพลังงานไฟฟ้า (เพียงพอ ไม่ดับ), ต้นทุนการผลิตไฟฟ้า (เหมาะสมหรือลดลงได้) และ สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

โครงการและเทคโนโลยีเด่น เพื่ออนาคตพลังงานสะอาด

กฟผ. กำลังเดินหน้าโครงการและเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสนับสนุนพลังงานสะอาด

• Floating Solar: โครงการโซลาร์ลอยน้ำบนเขื่อนของ กฟผ. เช่น ที่เขื่อนสิรินธรและเขื่อนอุบลรัตน์ (69 MW) โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 10,000 MW ใน 10 เขื่อนทั่วประเทศในอนาคต เพื่อลดต้นทุนที่ดิน
• โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped-hydro Storage): ช่วยเสริมความมั่นคงระบบด้วยการจ่ายไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วในช่วงความต้องการไฟฟ้าสูง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• SMR (Small Modular Reactor) หรือพลังงานนิวเคลียร์: กฟผ. อยู่ระหว่างศึกษาเทคโนโลยี SMR ซึ่งมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอนและต้นทุนการผลิต
• ไฮโดรเจน: มีแผนศึกษาการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในอนาคต ทั้งการผสมในโรงไฟฟ้าและการใช้เซลล์เชื้อเพลิง
• ปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้า รองรับ RE ที่เพิ่มขึ้น

การเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนที่ผันผวน สร้างความท้าทายต่อความเสถียรของระบบไฟฟ้า กฟผ. จึงเร่งดำเนินการ "Grid Modernization" เพื่อปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การปรับเวลา Start-up ของโรงไฟฟ้าหลักให้รวดเร็วขึ้น, การเพิ่ม ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และการพัฒนา โรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant) รวมถึงการจัดตั้ง ศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE Forecast Center) เพื่อวางแผนการสำรองกำลังผลิตได้อย่างแม่นยำ

บทบาทในการสนับสนุน REC และ EV Ecosystem

กฟผ. ยังคงเป็นหน่วยงานหลักในการออก ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (RECs) เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และมีบทบาทสำคัญใน EV Ecosystem ของประเทศ ด้วยการขยายเครือข่าย สถานีชาร์จ (EGAT EV by EGAT) และการพัฒนา e-bike รวมถึงสถานีสลับแบตเตอรี่

มาตรการส่งเสริมการประหยัดพลังงานและค่าบริการไฟฟ้าเพื่อพลังงานสะอาด

กฟผ. ยังคงเดินหน้าโครงการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน เช่น ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 (รวมถึง "เบอร์ 5 บวกดาว") และการสนับสนุน อาคารเบอร์ 5 ตลอดจน ห้องเรียนสีเขียว

ในด้านอัตราค่าบริการไฟฟ้า กฟผ. สนับสนุนนโยบาย Utility Green Tariff (UGT) ของรัฐบาล ซึ่งมี 2 รูปแบบ UGT1 ที่เปิดตัวแล้ว โดยผู้ใช้จะได้รับใบรับรอง REC และ UGT2 ที่อยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งจะเจาะจงแหล่งที่มาของพลังงาน นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ประกาศให้เริ่มต้น Direct PPA ผ่าน Third Party Access ประมาณ 2,000 MW โดยเริ่มกับ Data Center ซึ่ง กฟผ. มีบทบาทในการพิจารณาหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการที่เหมาะสม