'Grab' ขับเคลื่อน 'โลก' สู่เป้าหมาย Carbon Neutral ปี 2040

Grab ในฐานะแอพชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนภายใต้แนวคิด "Planet" หนึ่งในสามแกนหลักของธุรกิจ (Performance, People, Planet) ตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 พร้อมระดม 4 กลยุทธ์หลัก
KEY
POINTS
- เป้าหมาย: Grab มุ่งสู่ Carbon Neutral ภายในปี 2040 ผ่านกลยุทธ์ "Planet"
- EV: เปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ลดคาร์บอน
- พลังงานสะอาด: สำนักงานใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
- เทคโนโลยี: ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ, ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม (เช่น พ่วงออเดอร์)
- ผู้ใช้ร่วมใจ: ชวนผู้ใช้บริจาค Carbon Offset และปฏิเสธพลาสติก
- ผลลัพธ์: ลดก๊าซเรือนกระจกมหาศาล, ปลูกต้นไม้, ลดขยะพลาสติก
จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บ ประเทศไทย
กล่าวในงานสัมมนา “Road to Net Zero 2025: Thailand Green Action” ในหัวข้อ Advancing Towards Green Electricity: ภารกิจการกับพัฒนายั่งยืน จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ ว่า Grab ดำเนินธุรกิจใน 8 ประเทศ กว่า 800 เมือง และมีฐานผู้ใช้งานมหาศาลกว่า 40 ล้านคนต่อเดือน ทำให้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมหาศาล แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้ง โดยมีเป้าหมายที่ท้าทายในการเป็น Carbon Neutral ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2040
4 กลยุทธ์หลัก สู่ Carbon Neutrality 2040
เปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Adoption)
Grab ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดในยานพาหนะอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ปี 2020 ปัจจุบัน Grab มีรถ EV (ทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ) ใน Ecosystem กว่า 10,000 คันในประเทศไทย Grab ได้ร่วมมือกับ BYD ส่งมอบรถยนต์ EV กว่า 50,000 คันให้กับพาร์ทเนอร์คนขับทั่วภูมิภาค โดยมีโมเดลสนับสนุนที่หลากหลาย ทั้งโครงการ "Drive-to-Own" ที่เปิดโอกาสให้ผ่อนรถ EV แบบรายวันได้โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ และโครงการเช่ามอเตอร์ไซค์ EV ในราคาประหยัด รวมถึงโครงการเช่าแท็กซี่ EV ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างมาก โครงการเหล่านี้ส่งผลให้ Grab สามารถลดการปล่อยคาร์บอนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ถึง 128,000 ตันในปี 2024 และมีผู้ใช้งานกว่า 100,000 คนเลือกใช้ฟีเจอร์ "Prefer EV Ride" ในแอป
สำนักงาน Grab ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
เพื่อลด Carbon Footprint ในการดำเนินงาน Grab ได้หันมาใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับสำนักงานทั้งหมด รวมถึง 3 แห่งในประเทศไทย โดยมีการซื้อ Renewable Energy Certificate (REC) เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก
ใช้ Data Tech และ AI
เพื่อธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Grab นำเทคโนโลยีและข้อมูลมาปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ฟีเจอร์ Group Order (การสั่งอาหารแบบกลุ่ม) ที่ช่วยลดจำนวนรถในการจัดส่ง หรือ Saver Choice (การจัดส่งแบบประหยัด) ที่เป็นการ "พ่วงออเดอร์" ทำให้รถหนึ่งคันสามารถรับและส่งอาหารในเส้นทางที่ใกล้เคียงกันได้ ซึ่งช่วยประหยัดระยะทางได้ถึง 15% และลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 62,000 ตันจากการพ่วงออเดอร์ 40% ทั่วภูมิภาค
Small Action Big Difference (การมีส่วนร่วมของผู้บริโภค)
Grab กระตุ้นให้ผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านฟีเจอร์ง่ายๆ ในแอป เช่น Carbon Offset Donation ที่ผู้ใช้สามารถบริจาคเงินเพียง 1-2 บาทเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอน ซึ่งในปี 2024 มีหลายสิบล้านออเดอร์ที่เลือกบริจาค โดยเงินบริจาคถูกนำไปใช้ในการซื้อ Carbon Credit, การปลูกต้นไม้ (กว่า 360,000 ต้นในไทย), และ Biochar นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก ปฏิเสธช้อนส้อมพลาสติก ใน Grab Food ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้งานสูงถึง 85-90% ในประเทศไทย ส่งผลให้ประหยัดชุดช้อนส้อมพลาสติกได้เกือบ 1 พันล้านชุดทั่วภูมิภาค
โดยรวมแล้ว Grab ได้ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 600,000 ต้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 900,000 ตัน พร้อมประหยัดพลาสติกได้เกือบ 1 พันล้านชุด Grab เน้นย้ำว่าแพลตฟอร์มของพวกเขาไม่เพียงสร้างงานและสนับสนุนร้านค้า แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ชวนให้ผู้ใช้งานทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนในแบบที่ทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน







