‘ปืนฉีดน้ำ’ สัญลักษณ์การประท้วงขับไล่นักท่องเที่ยวในยุโรป

เกิดการประท้วงขับไล่นักท่องเที่ยวครั้งใหญ่ในยุโรปใต้ หลังนักท่องเที่ยวทำให้ค่าที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้ประท้วงมาพร้อมกับ “ปืนฉีดน้ำ”
KEY
POINTS
- วันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย. 2568 ประชาชนนับพันคนรวมตัวกันประท้วงต่อต้านการท่องเที่ยวในเมืองต่าง ๆ ของยุโรปใต้
- เดิมทีผู้ประท้วงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ปืนฉีดน้ำกลายเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วง แต่ในเวลานั้นผู้ประท้วงเอาปืนฉีดน้ำมาฉีดใส่กันเอง เพื่อคลายร้อน
- ชาวเมืองมองว่านักท่องเที่ยวทำให้ค่าที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
วันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย. 2568 ประชาชนในยุโรปใต้นับพันคนรวมตัวกันประท้วงต่อต้านการท่องเที่ยวในเมืองต่าง ๆ จากการนัดหมายของเครือข่ายต่อต้านการท่องเที่ยวในยุโรปใต้ (Southern Europe Network Against Touristification) เมื่อเดือนเมษายน
ในเมืองเจนัว ประเทศอิตาลี ผู้ประท้วงลากกระเป๋าเดินทางไปตามถนนใจกลางเมือง ตามแคมเปญที่ชื่อว่า “การเดินเล่นเสียงดัง” (Noisy Stroll) ขณะที่กรุงลิสบอน ผู้ประท้วงนำหุ่นจำลองนักบุญอุปถัมภ์ของเมืองไปตั้งบนพื้นที่ก่อสร้างโรงแรมระดับห้าดาวในอนาคต ส่วนชาวบ้านบนเกาะมาจอร์กาของสเปนขว้างกั้นรถบัสท่องเที่ยวสองชั้น พร้อมจุดพลุสัญญาณและแขวนป้ายประท้วงที่รถ
ด้านศูนย์กลางการประท้วงต่อต้านนักท่องเที่ยว อย่างบาร์เซโลนา ผู้ประท้วงเดินไปตามถนนโกลเดนไมล์ ซึ่งเป็นย่านที่มีโรงแรมระดับไฮเอนด์และแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนม พร้อมถือป้าย “นักท่องเที่ยวกลับบ้านไป” (Tourists go home) และ “การท่องเที่ยวขโมยสิ่งต่าง ๆ ไปจากเรา” (Tourism is stealing from us) และยิงปืนฉีดน้ำใส่นักท่องเที่ยวที่หน้าร้าน Louis Vuitton
นอกจากนี้ ยังเกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างพนักงานและผู้ประท้วงในบริเวณโฮสเทลใกล้เคียง ผู้ประท้วงบางคนจุดพลุไฟ ตำรวจได้ปิดกั้นการเดินขบวนใกล้กับมหาวิหารซากราดาฟามีเลีย แหล่งท่องเที่ยวหลักของเมือง
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 เครือข่ายต่อต้านการท่องเที่ยวในยุโรปใต้ในบาร์เซโลนาเดินประท้วงต่อต้าน “ภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง” (Overtourism) ซึ่งทำให้ “ปืนฉีดน้ำ” กลายเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธแค้นต่อผลกระทบของการท่องเที่ยว เป็นไวรัลไปทั่วโลก เป็นต้นแบบของการประท้วงและเกิดเป็นเครือข่ายทั่วยุโรปใต้ จนทำไปสู่การประท้วงใหญ่ครั้งล่าสุด
เครดิตภาพ: REUTERS
เดิมทีผู้ประท้วงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ปืนฉีดน้ำกลายเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วง แต่ในเวลานั้นผู้ประท้วงเอาปืนฉีดน้ำมาฉีดใส่กันเอง เพื่อคลายร้อน หลังจากนั้นก็นำมาฉีดใส่นักท่องเที่ยว (ซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนกลับรู้สึกสนุก และยอมให้ฉีดเพื่อคลายร้อน)
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นกระแสไวรัล ในเวลาต่อมาแต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็แค่เรื่องตลกของกลุ่มคนที่นำปืนฉีดน้ำมาใช้ เพราะมันร้อน” เอเดรียนา โคเทน หนึ่งในผู้จัดงาน Neighborhood Assembly for Tourism Degrowth กล่าวกับ สำนักข่าว AP
ผู้เดินขบวนฉีดน้ำใส่นักท่องเที่ยวตัวตลอดทาง โดยตะโกนคำขวัญและถือป้ายประท้วง โดยป้ายหนึ่งเขียนว่า “นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหนึ่งคน คนในพื้นที่ก็ลดลงอีกหนึ่ง!” พร้อมแปะสติกเกอร์ขับไล่นักท่องเที่ยวไว้ตามประตูโรงแรม เสาไฟ และโต๊ะคาเฟ่กลางแจ้ง
หากดูในภาพรวม นักท่องเที่ยวที่ยิงปืนฉีดน้ำใส่นักท่องเที่ยวมีจำนวนน้อย ส่วนใหญ่ยิ่งขึ้นฟ้าหรือยิงใส่กันเองเท่านั้น และในสถานการณ์ปรกติ ชาวเมืองบาร์เซโลนาไม่ได้ถือปืนฉีดน้ำหรือเล็งไปที่นักท่องเที่ยว อีกทั้งบางคนก็ยังคงสนับสนุนการท่องเที่ยว เพราะเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจในท้องถิ่น โดยภาคการท่องเที่ยวคิดเป็นมากกว่า 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสเปน
ผู้จัดงานเน้นย้ำก่อนการประท้วงเมื่อวันอาทิตย์ว่าเป้าหมายของพวกเขาคือ การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบจากการมีนักท่องเที่ยวมากกว่าคนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่ย้ายออกจากเมือง
“ศัตรูของเราไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่เป็นนักเก็งกำไรและผู้ประกอบการที่แสวงหากำไรจากที่อยู่อาศัยและชีวิตของคนในท้องถิ่น” อาเซียร์ บาซูร์โต ผู้จัดการประท้วงเที่ซานเซบาสเตียน เมืองตากอากาศบนชายฝั่งทางตอนเหนือของสเปนกล่าว
เครดิตภาพ: REUTERS
ปัจจุบันเมืองซานเซบาสเตียน เป็นเมืองที่ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยสูงที่สุดในประเทศ โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้ลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองนี้ลง
นอกจากนี้ การประท้วงยังเกิดขึ้นบนเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมของสเปน เช่น มินอร์กา และอิบิซา เกาะเหล่านี้มีประชากรเพียงกว่าหนึ่งล้านคน แต่กลับต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 15 ล้านคนในปี 2024
“รูปแบบการท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ แต่กลับนำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ เช่น วิกฤติที่อยู่อาศัย” เปเร โจน เฟเมเนีย โฆษกของกลุ่ม Less Tourism, More Life ซึ่งเป็นผู้จัดงานประท้วงในเมืองปาล์มา เกาะมาจอร์กา กล่าว
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนยุโรปเพิ่มขึ้นเกือบ 5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2024 เพื่อแก้ไขภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง หลายเมืองเริ่มมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เช่น เมืองเวนิสเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่ 5-10 ยูโรต่อวัน
ขณะที่เกาะซานโตรินีของกรีซและเมืองบรูกส์ในเบลเยียม กำหนดกฎระเบียบและภาษีใหม่ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่วนบาร์เซโลนามีแผนที่จะห้ามการเช่า Airbnb ภายในปลายปี 2028 ส่วนเกาะอิบิซาและสถานที่อื่น ๆ กำลังจำกัดจำนวนเรือสำราญ ส่วนเมืองปัลมาในเกาะมาจอร์กาเตรียมย้ายเก้าอี้อาบแดดมากกว่า 1,600 ตัวออกจากชายหาด เพื่อให้ชาวเมืองสามารถเที่ยวทะเลได้ง่ายขึ้น
ปืนฉีดน้ำจะสามารถเปลี่ยนความคิดของนักท่องเที่ยว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือธุรกิจที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามองมาจากมุมมองของใคร
ลูร์ด ซานเชส ผู้ประท้วงที่ถือปืนฉีดน้ำ ยืนยันว่าปืนฉีดน้ำไม่ได้มีไว้ทำร้ายใคร พร้อมระบุว่า “นี่คือสัญลักษณ์ที่บอกว่าเราเบื่อหน่ายกับการที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กำลังเปลี่ยนประเทศของเราให้กลายเป็นสวนสนุก”
ขณะที่ผู้ประท้วงบางคนหวังว่าการพกปืนฉีดน้ำจะทำให้คนสนใจประเด็นภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมืองมากขึ้น ถ้าถามนักท่องเที่ยวหลายคนก็บอกว่าปืนฉีดน้ำทำอะไรพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขาชอบยุโรป แต่นักท่องเที่ยวบางคนที่โดนฉีดน้ำใส่ ก็ไม่ชอบใจ หวิดจะมีเรื่องกันหลายครั้งตลอดการประท้วง
ที่มา: AP News, The New York Times, The Washington Post
เครดิตภาพ: REUTERS







