‘อากาศร้อนจัด’ กระทบ ‘แข่งฟุตบอล’ อันตรายต่อนักเตะ-แฟนบอล

แข่งฟุตบอล ใน อากาศร้อนจัด เป็นอันตรายต่อนักเตะ-แฟนบอล จี้ FIFA เพิ่มมาตรการดูแลนักกีฬาก่อนเริ่มแข่งฟุตบอลโลกปีหน้า
KEY
POINTS
- “FIFA Club World Cup 2025” จัดขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจุด อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส เป็นอันตรายต่อนักเตะและแฟนบอล
- ฟีฟ่าอนุญาตให้ผู้เล่นดื่มน้ำเพิ่มได้หนึ่งครั้งในแต่ละครึ่งของการแข่งขัน หากดัชนีอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ หรือ WBGT ในสนามมากเกิน 32 องศาเซลเซียส
- แต่มาตรการนี้ไม่เพียงพอ FifPro ระบุเกณฑ์สำหรับการพักเพื่อระบายความร้อนควรอยู่ระหว่าง 28-32 องศาเซลเซียสภายใต้ WBGT และหากอุณหภูมิที่สูงเกิน 32 องศาเซลเซียส FifPro เสนอว่าควรเปลี่ยนเวลาการแข่งขันใหม่
“FIFA Club World Cup 2025” หรือ “ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน- 13 กรกฎาคมในเมืองใหญ่ 12 เมืองของสหรัฐ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจุด อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส เป็นอันตรายต่อนักเตะและแฟนบอล ส่วนฟีฟ่า (FIFA) ผู้จัดการแข่งขันถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขยายรูปแบบการแข่งขันและข้อตกลงการสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล
สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐ คาดการณ์ว่าไมอามีและลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน จะมีอุณหภูมิอาจสูงเกิน 30 องศาเซลเซียส โดยออกประกาศเตือนว่า คนที่ไวต่อความร้อนจะได้รับผลกระทบ รวมไปถึงผู้ที่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังกลางแจ้งในช่วงที่มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
ในช่วงที่สหรัฐจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกครั้งก่อน ๆ ก็เคยมีอุณหภูมิสูงทะลุ 40 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นการจัดกีฬาที่ร้อนที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยมีมา และดูเหมือนว่าในปีนี้จะร้อนกว่าปรกติ เนื่องจากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยในสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 องศาเซลเซียส
การแข่งขันโคปาอเมริกาในปี 2024 ที่จัดขึ้นในสหรัฐ โรนัลด์ อาราอูโฆ กองหลังอุรุกวัยต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งกับปานามา เนื่องจากอาการวิงเวียนศีรษะและความดันโลหิตต่ำที่เกิดจากการขาดน้ำ แม้ว่าจะเป็นแมทช์ที่แข่งช่วงตอนเย็นในไมอามี่ก็ตาม
ขณะที่ การแข่งขันนัดที่แคนาดาพบกับเปรูในแคนซัสซิตี้ อุมแบร์โต ปันโจ ผู้ช่วยผู้ตัดสินล้มลงบนสนาม เนื่องจากอาการขาดน้ำ ซึ่งเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ โดยอลิสแตร์ จอห์นสตัน กองหลังของแคนาดากล่าวว่าการเริ่มเกมในเวลา 17.00 น. นั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะมีอุณหภูมิที่ “รู้สึกได้” อยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส เขากล่าวว่า “พูดตามตรง มันไม่ปลอดภัยสำหรับแฟนบอลด้วยซ้ำ”
การแข่งขัน Club World Cup ในปีนี้ มีการแข่งขัน 35 นัดจาก 63 นัดที่กำหนดไว้ก่อนเวลา 17.00 น. ตามการวิจัยของกลุ่ม Fossil Free Football พบว่าสนามกีฬา 8 ใน 11 แห่งที่ใช้จัดการแข่งขันไม่มีหรือไม่มีที่กำบังลมจากสภาพอากาศ และ 4 สถานที่เคยประสบกับ “เหตุการณ์ความร้อนที่รุนแรง” โดยมีอุณหภูมิอย่างน้อย 30 กว่าองศาเซลเซียสในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ฟีฟ่าในฐานะผู้จัดการแข่งขัน ได้เพิ่มมาตรการดูแลนักกีฬาในช่วงที่เกิดสภาพอากาศเลวร้าย มาตั้งแต่ปี 2014 โดยอนุญาตให้ผู้เล่นดื่มน้ำเพิ่มได้หนึ่งครั้งในแต่ละครึ่งของการแข่งขัน หากดัชนีอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ หรือ WBGT (Wet Bulb Globe Temperature) ในสนามมากเกิน 32 องศาเซลเซียส
แต่นโยบายดังกล่าวไม่เพียงพอสำหรับสภาพอากาศที่เลวร้ายขึ้น โดยสหภาพผู้เล่นนานาชาติอย่าง FifPro ให้เหตุผลว่าเกณฑ์สำหรับการพักเพื่อระบายความร้อนควรอยู่ระหว่าง 28-32 องศาเซลเซียสภายใต้ WBGT พร้อมตัวเลือกสำหรับการพักดื่มน้ำครั้งที่สองในแต่ละครึ่ง และหากอุณหภูมิที่สูงเกิน 32 องศาเซลเซียส FifPro เสนอว่าควรเปลี่ยนเวลาการแข่งขันใหม่
“เนื่องจากการแข่งขันอย่างชิงแชมป์สโมสรโลกมีโปรแกรมการแข่งขันที่แน่นขนัดและเกิดสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ออร์แลนโดและไมอามี ความร้อนที่รุนแรงจึงกลายเป็นปัญหาสุขภาพและความปลอดภัยที่สำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในวงการฟุตบอลอาชีพ FifPro จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยคำนึงถึงความสำคัญของสวัสดิการของผู้เล่นมากกว่าการพิจารณาด้านอื่น ๆ” โฆษกของ FifPro กล่าว
ขณะที่ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับผู้จัดงาน ระบุว่าฟีฟ่าจะติดตามการดำเนินงานของการแข่งขันและสนามกีฬาทุกวัน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการนำมาตรการเพิ่มเติมมาใช้เพื่อปกป้องผู้เล่นและผู้ชม
การแข่งขันครั้งนี้อาจเป็นการทดสอบที่สำคัญ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2026 ที่มีถึง 48 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน จัดการแข่งขันในสนามกีฬาต่าง ๆ หลายแห่งทั่วทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งดูเหมือนว่าอาจจะต้องเจอกับสภาพอากาศที่รุนแรงกว่าในปีนี้ แต่ดูเหมือนว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวิธีการปกป้องผู้เล่น เจ้าหน้าที่ ผู้ชม และบุคคลอื่น ๆ ที่มากขึ้น
“ทีมต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกชายในปี 2026 จะต้องเผชิญกับความเครียดจากความร้อนที่เกินกว่าขีดจำกัดที่กำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เริ่มการแข่งขันในช่วงบ่าย” ดร. โอลิเวอร์ กิ๊บสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความเครียดจากความร้อนและสรีรวิทยาประสิทธิภาพการทำงานที่มหาวิทยาลัยบรูเนลกล่าว
ฟุตบอลโลก 2026 จะเป็นครั้งแรกที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากถึง 48 ทีม โดยจันนี อินฟันตีโน ประธาน ฟีฟ่ากล่าวว่าเหตุผลในการเพิ่มทีมเข้าแข่งขัน เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่ม การพัฒนา และความสามัคคี แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการแข่งขันฟุตบอลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยมากขึ้นนั้นไม่สามารถละเลยได้
เมื่อมีทีมเข้าแข่งขันมากขึ้นก็หมายความว่าต้องมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น เดวิด วีลเลอร์ นักฟุตบอลอาชีพ กล่าวว่า “ฟีฟ่าต้องพิจารณาการปล่อยมลพิษของตัวเอง การเพิ่มทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกและการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก ทำให้การเดินทางทางอากาศมากขึ้น ถือเป็นก้าวที่ผิดทาง”
วีลเลอร์ยังรวบรวมนักฟุตบอล 30 คนเพื่อขอให้ ฟีฟ่าสมาคมฟุตบอล และสโมสรต่างๆ หยุดทำข้อตกลงสนับสนุนกับบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิล พร้อมกล่าวว่าการเรียกสปอนเซอร์จากบริษัทเหล่านี้และเพิ่มทีมการแข่งขันถือเป็น “ความโลภที่หน้าด้าน”
อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่าได้มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2040 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Sports For Climate Action ของ UNFCCC
สำหรับการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก ฟีฟ่าได้ดำเนินการโครงการริเริ่มที่เป็นรูปธรรมในสามด้าน ได้แก่ ความรับผิดชอบในการดำเนินงาน โดยลดขยะให้เหลือน้อยที่สุด ส่งเสริมการรีไซเคิลและการบริจาคอาหาร และจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในสถานที่จัดงาน
รวมถึงการจัดหาอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานอย่างรอบคอบเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนและสิทธิมนุษยชนที่ระบุไว้ในรหัสการจัดหาอย่างยั่งยืนของฟีฟ่า และปกป้องสัตว์ป่าโดยใช้มาตรการเพื่อปกป้องและจัดการสัตว์จรจัดรอบๆ สนามกีฬา
ฟีฟ่าระบุว่า “สภาพอากาศของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเนื่องมาจากกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและค่อยเป็นค่อยไปต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ฟุตบอลก็ไม่สามารถหลีกหนีจากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเหล่านี้ได้ เราทุกคนจำเป็นต้องลดการปล่อยมลพิษที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ”
ขณะที่การแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลกฟีฟ่าเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความร้อนและการตรวจสอบการดำเนินการด้านสภาพอากาศอย่างละเอียดถี่ถ้วน การแข่งขันครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในวงการกีฬาทั่วโลก และความจำเป็นในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การแข่งขันครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่กิจกรรมทดสอบสำหรับฟุตบอลโลกปี 2026 เท่านั้น แต่ยังเป็นการทดสอบความพร้อมของฟีฟ่าที่จะเผชิญกับปัญหาสภาพภูมิอากาศด้วย
ที่มา: Forbes, The Guardian, Telegraph