ราชกิจจาฯ ประกาศ เยียวยา 5 แสนบาท ผู้ได้รับอันตรายจากช้างป่า จ่ายเร็วใน 5 วัน

ราชกิจจาฯ ประกาศใช้ระเบียบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 11 มิถุนายน 2568 เยียวยาครอบคลุมหลายด้าน ชีวิต, ร่างกาย, ทรัพย์สิน, พืชผลทางการเกษตร สูงสุดรายละ 500,000 บาท
KEY
POINTS
- ราชกิจจาฯ ประกาศใช้ระเบียบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 11 มิถุนายน 2568
- เยียวยาครอบคลุมหลายด้าน ชีวิต, ร่างกาย, ทรัพย์สิน, พืชผลทางการเกษตร สูงสุดรายละ 500,000 บาท
- ข้อยกเว้นที่ไม่มีสิทธิ์รับเงิน คือ ผู้ถูกตัดสินจำคุกหรือถูกสั่งให้ออกจากพื้นที่จากความผิดตามกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติ
- ขั้นตอนการเยียวยารวดเร็ว – จ่ายเงินภายใน 5 วัน
ประเทศไทยเดินหน้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากช้างป่าอย่างจริงจัง หลัง ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับ ผลกระทบจากช้างป่า พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมีผลบังคับใช้ในทันที โดยระเบียบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเชิงรุกของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่มุ่งลดผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างคนกับช้างป่าในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ระเบียบฉบับนี้เป็นการยกระดับกลไกการเยียวยาให้มีความ ชัดเจน รวดเร็ว เป็นธรรม และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยครอบคลุมความเสียหายทุกด้านที่เกิดจากช้างป่า ไม่ว่าจะเป็น ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือพืชผลทางการเกษตร
“ขณะนี้มีประชาชน 6 รายที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่าได้รับการเยียวยาแล้วภายใต้ระเบียบใหม่นี้ รวมเป็นเงินกว่า 1.02 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง” นายอรรถพลกล่าว
เยียวยาครอบคลุมทุกมิติ
ระเบียบฉบับใหม่นี้ กำหนดให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา ได้แก่
- ผู้ที่ได้รับอันตรายจากช้างป่าจนถึงขั้นเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ
- ผู้ที่ทรัพย์สิน หรือที่ดิน หรือพืชผลเกษตรเสียหาย
- ทายาทของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ช้างป่า
โดยผู้มีสิทธิจะต้องเป็น เจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้เช่าที่ดินตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการแอบอ้างสิทธิ์ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงในการเรียกร้องค่าชดเชย
เยียวยาชัดเจน เร็ว และตรงจุด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากช้างป่า มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาสูงสุดถึง 500,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ ดังนี้
- ผู้เสียหาย ต้องไม่มีเจตนาทำร้ายช้างป่า
- ไม่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ที่มีช้างป่าโดยไม่มีเหตุสมควร
- ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
- มีการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม
ขณะเดียวกัน ในกรณีที่พืชผลหรือทรัพย์สินเสียหาย ผู้ร้องขอจะต้องมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ไว้ 9 ประเภท อาทิ โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือเอกสารปฏิรูปที่ดิน
โดยข้อยกเว้นคือ ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือมีคำสั่งให้ออกจากพื้นที่เกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ จะไม่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา
ขั้นตอนช่วยเหลือรวบรัด – พร้อมจ่ายภายใน 5 วัน
กรมอุทยานฯ ยังได้ออกแบบขั้นตอนการช่วยเหลือให้รวดเร็วที่สุด เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้ประสบภัยอย่างทันการณ์ โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลัก
แจ้งเหตุภายใน 3 วัน
- ผู้ได้รับผลกระทบต้องแจ้งเหตุภายใน 3 วันนับจากวันที่ทราบเหตุแก่เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าหรืออุทยานในพื้นที่
ตรวจสอบและประเมินความเสียหาย
- ในกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิต: คณะกรรมการที่มี ผู้อำนวยการสำนักบริหารสัตว์ป่า เป็นประธาน จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหาย ภายใน 7 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง สำหรับกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
กรณีทรัพย์สินหรือพืชผลเสียหาย
- ประธานคณะกรรมการคือ หัวหน้าหน่วยพื้นที่อนุรักษ์ พร้อมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ อปท.
อนุมัติและโอนเงินภายใน 5 วันทำการ
- เมื่ออธิบดีกรมอุทยานฯ อนุมัติแล้ว สำนักบริหารงานกลางจะโอนเงินให้ผู้ได้รับผลกระทบภายใน 5 วันทำการ และรายงานผลการโอนเงินภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่โอน
จ่ายแล้ว 6 รายแรก – รวมกว่า 1 ล้านบาท
นับตั้งแต่ระเบียบมีผลบังคับใช้ กรมอุทยานฯ ได้เริ่มดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแล้วจำนวน 6 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 1.02 ล้านบาท แบ่งเป็น
เสียชีวิต 2 ราย รายละ 500,000 บาท
บาดเจ็บ 4 ราย รายละประมาณ 5,000 บาท
เตรียมขอ 'งบกลาง' เพิ่ม 100 ล้านบาท
เพื่อรองรับจำนวนผู้เสียหายที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต กรมอุทยานฯ ได้เสนอของบกลางเพิ่มเติมอีก 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณให้ความเห็นเบื้องต้นว่า จะพิจารณาตามเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินการตามระเบียบที่เร่งด่วน
ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือเยียวยาจะมาจาก งบกลางรายการเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อการกู้ภัย ซึ่งได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว
อนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับคน-ช้าง
ระเบียบฉบับนี้ไม่ใช่เพียงการเยียวยาในระยะสั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการวางโครงสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชนท้องถิ่น ในการอยู่ร่วมกับช้างป่าอย่างยั่งยืน ผ่านมาตรการป้องกัน ปรับสมดุลพื้นที่อาศัย และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน
“เราต้องไม่ปล่อยให้ ‘ความหวาดกลัวช้างป่า’ กลายเป็นความเคยชิน แต่ต้องเปลี่ยนเป็น ‘ระบบป้องกันที่มีประสิทธิภาพ’ และ ‘ระบบเยียวยาที่เป็นธรรม’” นายอรรถพล กล่าว







