มองการประชุมใหญ่ด้านการใช้มหาสมุทร | บ้านเขาเมืองเรา

ตลอดสัปดาห์นี้มีการประชุมใหญ่ว่าด้วยการใช้มหาสมุทรของมนุษย์เรา ข่าวของการประชุมอันมีความสำคัญยิ่งต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต
โดยเฉพาะมนุษย์เองถูกกลบแทบหมดด้วยข่าวของเหตุการณ์ในท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งความฉ้อฉลร้ายแรงในแวดวงการเมืองไทย ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา และการชุมนุมประท้วงรัฐบาลหลายวันในนครลอสแอนเจลิสพร้อมด้วยการปราบปราม
ประชาคมโลกมองเห็นความสำคัญของการใช้มหาสมุทรจากมุมมองของการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงจัดการประชุมร่วมกันขึ้นในกรอบงานขององค์การสหประชาชาติ ครั้งแรกจัดขึ้นในสหรัฐเมื่อปี 2560 ครั้งที่สองในโปรตุเกสเมื่อปี 2565
และปีนี้จัดขึ้นที่ฝรั่งเศส รายงานบ่งว่าชาวโลกกว่า 1 แสนคนเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ตัวแทนของสมาชิกองค์การสหประชาชาติกว่า 120 ประเทศ รวมทั้งระดับประมุขหลายสิบคน นักวิทยาศาสตร์ องค์กรเอกชน นักการทูต ภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจ
ก่อนเริ่มประชุม 2 วันมีการเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าชายวิลเลียม มกุฎราชกุมารแห่งสหราชอาณาจักร ทรงสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านมหาสมุทรเซอร์เดวิด แอตเทนโบโร ซึ่งกราบทูลพระองค์ว่า ตนตกใจสุดขีดเมื่อเห็นความเสียหายร้ายแรงอันเกิดจากการประมงบางชนิดโดยเฉพาะอวนขนาดใหญ่ที่ใช้ลากไปตามพื้นมหาสมุทร หากการกระทำความเสียหายในแนวเดียวกันนั้นเกิดขึ้นบนบก ชาวโลกคงพร้อมกันออกมาเอาโทษกับผู้ทำแน่นอน
ทั้งที่มีความสำคัญยิ่งต่อชีวิตมนุษย์ มหาสมุทรถูกใช้แบบทำลายล้างอย่างต่อเนื่องมานาน นอกจากความเสียหายอันเกิดจากการประมงแบบไม่ยั่งยืนแล้ว ยังมีส่วนที่เกิดจากของเสียสารพัดชนิดซึ่งถูกปล่อยลงไปในทะเลอีกด้วย
ในขณะนี้มีขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลลอยอยู่ทั่วไปในทะเล บางแห่งเกาะกันเป็นแพขนาดใหญ่ซึ่งมีเนื้อที่ถึงราว 3 เท่าของประเทศไทย นอกจากนั้น มหาสมุทรยังถูกซ้ำเติมด้วยภาวะโลกร้อนอันเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์เราที่นำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
เป้าหมายเบื้องต้นของการประชุมจึงได้แก่ จะทำอย่างไรให้มหาสมุทรคงศักยภาพไว้สำหรับให้มนุษย์เราใช้ต่อไปได้อย่างยั่งยืน การประชุมที่ผ่านมาบรรลุข้อตกลงกันว่า ประเทศต่าง ๆ จะร่วมมือกันสงวนรักษา 30% ของมหาสมุทรไว้ในเขตอภัยทานโดยการร่วมกันลงนามไว้ในสนธิสัญญาซึ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อสมาชิก 60 ประเทศให้สัตยาบัน
อย่างไรก็ดี ณ วันนี้มีเพียง 32 ประเทศเท่านั้นให้สัตยาบัน ทั้งที่สนธิสัญญาไม่ได้ห้ามการใช้อวนลากบนพื้นทะเลที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันว่า สร้างความเสียหายร้ายแรงแต่หลายประเทศต้องการทำต่อไปรวมทั้งสหราชอาณาจักร
ก่อนการประชุมใหญ่ครั้งนี้ มีการประชุมของนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก 2,000 คน พวกเขาเสนอให้กวดขันด้านการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนพร้อมกับยุติกิจการทั้งหมดที่ทำบนพื้นทะเลลึก ทั้งนี้เพราะในขณะนี้มนุษย์เรามีความรู้ความเข้าใจในการทำงานของระบบนิเวศในทะเลลึกเพียงจำกัด กิจกรรมที่จะทำต่อไปจึงควรหยุดยั้งไว้ก่อนจนกว่าจะมีผลของการวิจัยยืนยันว่าทำได้โดยไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงในด้านนี้
เรื่องที่คงจะมีการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนที่สุดและหาข้อตกลงกันยากมาก ได้แก่ การทำเหมืองแร่บนพื้นทะเลลึก เกี่ยวกับเรื่องนี้มีการปรึกษาหารือและถกเถียงกันมากว่าทศวรรษแล้วว่าจะปันทรัพยากรในทะเลลึก ซึ่งเป็นของกลางกันอย่างไร และจะทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อระบบนิเวศของทะเลนั้น อย่างไรก็ดี ก่อนที่การประชุมจะพิจารณาประเด็นว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ชิงออกมาตัดบทโดยการประกาศอนุญาตให้กิจการอเมริกันทำเหมืองแร่ในทะเลลึกได้ หลายประเทศออกมาประณามการกระทำของเขารวมทั้งจีนและฝรั่งเศส เนื่องจากประเทศมหาอำนาจมีบทบาทสูงมากในด้านการแสวงหาข้อตกลงระหว่างประเทศ
เมื่อประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรสนับสนุนการทำกิจการอวนลากบนพื้นทะเลลึก และสหรัฐสนับสนุนการทำเหมืองแร่ในพื้นที่นั้น ข้อตกลงดี ๆ ที่สังคมโลกโดยทั่วไปต้องการไม่น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ การประชุมใหญ่จึงจะไม่บรรลุเป้าหมายเบื้องต้นที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน







