รับมือไฟไหม้ดาต้าเซ็นเตอร์ Siemens แนะความยั่งยืนเริ่มที่ความปลอดภัย

ซีเมนส์ เผยกลยุทธ์ป้องกันอัคคีภัยในดาต้าเซ็นเตอร์ เพราะเพลิงไหม้ดาต้าเซ็นเตอร์ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง เช่น ธุรกิจหยุดชะงัก, ข้อมูลเสียหาย, และ ความเสี่ยงต่อชีวิตพนักงาน
KEY
POINTS
- แนวคิด: “Redefining Data Center Infrastructure – นิยามใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซนเตอร์”
- เน้นความสำคัญของ ระบบป้องกันอัคคีภัยในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะจาก แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
- เพลิงไหม้ดาต้าเซ็นเตอร์ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง เช่น ธุรกิจหยุดชะงัก, ข้อมูลเสียหาย, และ ความเสี่ยงต่อชีวิตพนักงาน
- เทคโนโลยีป้องกันอัคคีภัยของ Siemens
- การลงทุนใน ระบบป้องกันและดับเพลิง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แม้จะเป็นสัดส่วนเล็กของงบ แต่ช่วย ลดความเสี่ยงใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บนเวทีสัมมนา “Siemens Data Center Conference 2025” ภายใต้แนวคิด "Redefining Data Center Infrastructure – นิยามใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซนเตอร์" จัดโดย Siemens (ซีเมนส์) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และ กรุงเทพธุรกิจ สื่อเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศไทย “สุวงศ์ รัชวงศ์” ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคฝ่ายตรวจจับอัคคีภัย ประจำซีเมนส์ อาเซียน ได้ให้ความรู้และเน้นย้ำถึงความสำคัญของระบบป้องกันอัคคีภัยสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในปัจจุบัน
ภายใต้หัวข้อ Safeguarding Against Lithium-ion Fire Risks in Data Centers with Fire Safety Innovation โดยระบุว่าดาต้าเซ็นเตอร์มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและใช้พลังงานสูงมาก ทำให้มีความเสี่ยงด้านอัคคีภัยตามมา
ความเสี่ยงและผลกระทบหลัก
4 ความเสี่ยงดาต้าเซ็นเตอร์
“สุวงศ์” กล่าวว่า ความเสี่ยงหลักของดาต้าเซ็นเตอร์มี 4 ประเด็น ได้แก่ ภาระการทำงานที่หนัก (Heavy Load), ความผิดปกติของระบบไฟฟ้า (Electrical Fault), โครงสร้าง และที่สำคัญคือระบบระบายอากาศ (Ventilation) ดาต้าเซ็นเตอร์ต้องการความเย็นสูงเพื่อลดความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ และมีแรงลมที่ค่อนข้างแรง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง
“ผลกระทบหากเกิดเพลิงไหม้ในดาต้าเซ็นเตอร์นั้นรุนแรง ตั้งแต่การหยุดชะงักของธุรกิจ (Downtime) ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด การสูญเสียค่าใช้จ่ายทั้งทรัพย์สินและรายได้ที่หยุดชะงัก และที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยในชีวิตของพนักงานที่ทำงานอยู”
กรณีศึกษาทั่วโลกและแหล่งที่มาของเพลิงไหม้ มีกรณีเพลิงไหม้เกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2023 รวมถึงในสหรัฐอเมริกาที่เนบราสกา บอสตัน และยูทาห์ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาไฟฟ้า เช่น การลัดวงจรจากการรั่วไหลของน้ำ หรือประกายไฟจากจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าที่หลวม
ส่วนกรณีในฝรั่งเศสและเกาหลีใต้พบว่า แบตเตอรี่ เป็น "ผู้ร้าย" สำคัญในการเกิดเพลิงไหม้ แม้จะมีประโยชน์มากในดาต้าเซ็นเตอร์ก็ตาม นอกจากนี้ ในบางโครงการ Open Computer Project (OCP) มีการใส่แบตเตอรี่สำรองเข้าไปในแร็คเซิร์ฟเวอร์โดยตรง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น
มาตรฐานและการประกันภัย
“สุวงศ์” เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการมีมาตรฐานเพื่อประเมินระดับความเสี่ยงของดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งส่งผลต่อเบี้ยประกันภัย มาตรฐานหลักที่ใช้คือ NFPA (National Fire Protection Association) โดยเฉพาะ NFPA 75 ที่เน้นระบบหัวฉีดน้ำดับเพลิง, ระบบตรวจจับควัน, และคุณสมบัติการทนไฟของอุปกรณ์ ส่วน NFPA 76 เกี่ยวข้องกับระบบโทรคมนาคม หากการออกแบบและดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐาน ก็จะมีผลดีต่อการทำประกันภัยกับบริษัทอย่าง FM Global ซึ่งเป็นผู้ให้การรับรอง FM Approved
ดาต้าเซ็นเตอร์ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการจัดเก็บและบริหารข้อมูลดิจิทัลทั่วโลก การรักษาความปลอดภัยจากอัคคีภัยในพื้นที่เหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซีเมนส์ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจ Fire Protection มากว่า 80 ปี ได้พัฒนาโซลูชันที่ครอบคลุมเพื่อช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและระบบแจ้งเตือนที่แม่นยำ
ระบบตรวจจับอัคคีภัยขั้นสูง
ซีเมนส์นำเสนอ VWSD (Very Early Warning Fire Detection) ซึ่งเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแรงลมสูง เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบนี้ช่วยตรวจจับควันในระยะเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบไอทีและข้อมูลสำคัญ
นอกจากนี้ยังมี ASD (Aspirating Smoke Detector) ที่ใช้ Dual Wavelength Technology (แสงสีน้ำเงินและอินฟราเรด) สามารถแยกแยะระหว่างอนุภาคฝุ่น (ขนาดเกิน 1 ไมครอน) กับควัน (ขนาดต่ำกว่า 1 ไมครอน) ได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังกรองฝุ่นได้ 2-5% ระบบ ASD ทำงานแบบ Active Detection โดยการดูดอากาศเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งให้ผลที่รวดเร็วกว่าระบบ Point Detector ที่ต้องรอให้ควันลอยไปหา
อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญคือ ISO Technology (Isolator) ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรของระบบการเดินสาย Class X หากเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ระบบที่มี Built-in Isolator จะสามารถแจ้งเตือนตำแหน่งที่เกิดปัญหาได้อย่างแม่นยำ ทำให้ประหยัดงบประมาณและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ Isolator แบบโมดูลแยก
สำหรับพื้นที่ UPS Room ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน หรือ Control Room ที่มีสภาพอากาศปกติ สามารถใช้ Point Type Detector หรือ Smoke Detector ทั่วไปได้ ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่า
“เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ในดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบดับเพลิงต้องมีความแม่นยำและส่งผลกระทบน้อยต่ออุปกรณ์เทคโนโลยี ซีเมนส์แนะนำการใช้ระบบน้ำ รวมถึงสารสะอาดดับเพลิง เช่น ก๊าซไนโตรเจน หรือสารเคมีอย่าง FHK ซึ่งช่วยป้องกันอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์จากความเสียหายขณะดับไฟ”
Building X บริหารจัดการคลาวด์
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบอัคคีภัยคือ Building X แอปพลิเคชันบนคลาวด์ที่พัฒนาตามมาตรฐาน NFPA 915, NFPA 72 และ UL 8642 Building X ช่วยให้สามารถดูข้อมูลเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ผ่านโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟน รวมถึงสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อช่วยให้การรับมือกับเหตุการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ Building X ยังมีมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์สูง โดยปฏิบัติตาม UL 2900, IEC 27001 และ OWASP เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านการโจมตีทางไซเบอร์
คุ้มค่าและจำเป็น
การลงทุนในระบบป้องกันและดับเพลิงถือเป็นส่วนสำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์ แม้ว่าจะเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยของงบประมาณทั้งหมด แต่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยอัคคีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐานสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้อย่างไม่หยุดชะงัก
ซีเมนส์มีโซลูชันครบวงจรสำหรับการป้องกันอัคคีภัยในดาต้าเซ็นเตอร์ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อศึกษารายละเอียดและเลือกใช้ระบบที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรได้







