พบ ‘ปลาช่อนเชล’ ครั้งแรกในรอบ 85 ปี ระหว่างที่ชนพื้นเมืองจับกิน

พบ ‘ปลาช่อนเชล’ ครั้งแรกในรอบ 85 ปี ระหว่างที่ชนพื้นเมืองจับกิน

นักวิจัย “ปลาช่อนเชล” ปลาหายากในรอบ 85 ปี ที่เบงกอลเหนือใน “อินเดีย” กระตุ้นให้มีการศึกษาวิจัยเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม

KEY

POINTS

  • นักวิจัยพบ “ปลาช่อนเชล” (Chel snakehead) ปลาหายากในรอบ 87 ปี
  • ปลาชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “ชานนา แอมฟิเบียส” (Channa Amphibeus) สามารถมีขนาดยาวได้ถึง 80-100 เซนติเมตร ถือว่าเป็นปลาช่อนที่ใหญ่ที่สุด และมีเกล็ดสีเขียวสดใสแทรกอยู่ท่ามกลางแถบสีเหลือง
  • ปลาช่อนเชลกำลังประสบปัญหาใหญ่ในการเอาชีวิตรอด จากปัญหาทางสิ่งแวดล้อมมากมาย
  •  

ปลาช่อนเชล” (Chel snakehead) เป็นปลาน้ำจืดที่อาศัยอยู่เฉพาะในแม่น้ำเชล ใกล้กับเชิงเทือกเขาหิมาลัยในภูฏานและปากีสถาน ถือว่าเป็นปลาชนิดหนึ่งที่หายากมากและเข้าใจว่าได้สูญพันธุ์ไปจากแม่น้ำในอินเดียแล้ว แต่กลับถูกค้นพบอีกครั้งในรอบ 87 ปี ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเชลในกาลิมปง เบงกอลเหนือ 

หลังจากการค้นพบปลาช่อนเชลครั้งสุดท้ายในปี 1938 นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามตามหาปลาชนิดนี้ทุกวิถีทาง เพื่อยืนยันการมีอยู่ของมัน แต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอด นักวิทยาศาสตร์จึงสรุปว่าปลาชนิดนี้น่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว

ในเอเชียมีปลาช่อนอยู่ 37 สายพันธุ์ทั่วทั้งทวีป โดยลักษณะเด่นของปลาชนิดนี้ คือ มีลำตัวที่ยาวและหัวคล้ายงูที่มีครีบหลังยาว มีความยาว 25-30 เซนติเมตร ผู้คนนิยมจับไปบริโภคและหลายชนิดถูกนำไปเป็นของประดับตกแต่งบ้าน 

แต่สำหรับปลาช่อนเชลแล้ว พวกมันมีขนาดใหญ่กว่านั้นมาก โดยปลาชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “ชานนา แอมฟิเบียส(Channa Amphibeus) สามารถมีขนาดยาวได้ถึง 80-100 เซนติเมตร ถือว่าเป็นปลาช่อนที่ใหญ่ที่สุด และมีเกล็ดสีเขียวสดใสแทรกอยู่ท่ามกลางแถบสีเหลือง

“ชุมชนนักมีนวิทยา ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาปลา ถือว่าปลาชนิดนี้มีความสวยงามและมีชีวิตชีวาที่สุดในบรรดาปลาช่อนทั้งหมด” เจ. ปราวีนราช นักมีนวิทยาอิสระผู้ค้นพบปลาช่อนเชลอีกครั้งในเดือนกันยายนปี 2024 กล่าว

พบ ‘ปลาช่อนเชล’ ครั้งแรกในรอบ 85 ปี ระหว่างที่ชนพื้นเมืองจับกิน ปลาช่อนเชล
เครดิตภาพ: เจ. ปราวีนราช

เป็นเวลาหลายชั่วอายุคนแล้ว ที่ชนพื้นเมืองบริโภคปลาช่อนเชล โดยไม่รู้ว่ามันมีความสำคัญต่อโลกวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์จึงใช้แนวทางการหาอาหารของชุมชนเหล่านี้เป็นเบาะแสสำคัญในการระบุตำแหน่งที่แน่นอนของปลา ดังนั้นการให้ชุมชนเหล่านี้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องธรรมชาติ

หลังจากที่ ปราวีนราชได้รับข้อมูลว่าชาวเผ่าราภา (Rabha) ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเชล ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเบงกอลกำลังบริโภคปลาช่อนดังกล่าวอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เคยพบปลาชนิดนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน นักวิจัยจึงรีบเดินทางไปที่นั่นและเก็บตัวอย่างทันที

กว่าจะยืนยันได้ว่าค้นพบปลาช่อนเชลก็ต้องใช้เวลานานกว่า 4 เดือน เนื่องจากที่ผ่านมามีการพบปลาชนิดนี้เพียง 2 ครั้ง คือในปี 1845 และปี 1938 จากนั้นก็ไม่มีใครพบอีกเลย ปราวีนราชกล่าวว่านักวิจัยตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด

“นักวิจัยต้องจับคู่ข้อมูลจำเพาะของปลากับสิ่งที่เรามีตั้งแต่ค้นพบครั้งล่าสุด ต้องใช้ข้อมูลชีวภาพและการวัดขนาดปลา เช่น เส้นผ่านศูนย์กลางของดวงตา เพื่อยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่พบครั้งสุดท้ายในปี 1938” ปราวีนราชกล่าว

การศึกษาในครั้งนี้ได้รับร่วมมือกับมูลนิธิ Thackeray Wildlife Foundation องค์กรไม่แสวงหากำไรเพื่อการวิจัยและอนุรักษ์ โดยเตฮัส แธคเคอเรย์ ผู้ก่อตั้งกับมูลนิธินี้กล่าวว่า “การค้นพบนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสำรวจอย่างต่อเนื่องและความอดทนของความหลากหลายทางชีวภาพ แม้แต่ในสายพันธุ์ที่เคยถือว่าสูญหายไปตลอดกาล”

แม้ว่าการค้นพบครั้งสำคัญนี้จะสร้างความตื่นเต้นและความหวังในการอนุรักษ์ แต่ปลาช่อนเชลกำลังประสบปัญหาใหญ่ในการเอาชีวิตรอด จากปัญหาทางสิ่งแวดล้อมมากมาย ไม่ว่าจะมาจากการสร้างเขื่อน ที่ทำให้แม่น้ำเปลี่ยนเส้นทาง ปิดกั้นเส้นทางการอพยพของปลา  และเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำตามธรรมชาติที่ปลาอาศัยเพื่อขยายพันธุ์และหาอาหาร

รวมไปถึงมลพิษจากฟาร์ม โรงงาน และเมืองต่าง ๆ ทำลายแหล่งน้ำ กระตุ้นให้สาหร่ายดูดออกซิเจนและแพร่กระจายสารพิษผ่านห่วงโซ่อาหารที่เปราะบาง ขณะเดียวกันเอเลี่ยนส์สปีชีก็ยังสามารถเติบโตได้ดีในพื้นที่เสื่อมโทรมกว่าสัตว์ประจำถิ่น และมักจะแย่งชิงหรือล่าเหยื่อจากปลาพื้นเมือง

เมื่อรวมกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้น้ำอุ่นขึ้น ฝนตกไม่สม่ำเสมอ ระดับน้ำลดต่ำลง ยิ่งทำให้ปลาเหล่านี้มีชีวิตรอดได้ยากมากกว่าเดิม ตามข้อมูลขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) แหล่งน้ำจืดมีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของพื้นผิวโลก แต่พื้นที่นี้เป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตที่รู้จักทั้งหมดมากกว่า 10%

นักอนุรักษ์เน้นย้ำว่าจำเป็นต้องรักษาปลาช่อนเชลนี้ไว้ให้ได้ และจำเป็นต้องดำเนินการทันที ด้วยการประเมินถิ่นที่อยู่อาศัยโดยละเอียด การกำหนดสถานะประชากรปัจจุบัน และนำมาตรการป้องกันมาใช้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม 

รวมถึงสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนในท้องถิ่น นักวิจัยจำเป็นต้องสร้างความตระหนักและให้ความรู้ให้แก่ประชาชน โดยจะปรับผลประโยชน์ในท้องถิ่นให้สอดคล้องกับเป้าหมายการอนุรักษ์ระดับโลก

นักวิจัยระบุว่า การค้นพบปลาช่อนเชลอีกครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสารสำคัญสำหรับมนุษยชาติ ประการแรก แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติมีความทนทานและสามารถสร้างความประหลาดใจได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากที่สุด

อีกประการหนึ่ง ความประหลาดใจดังกล่าว เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการปกป้องระบบนิเวศน้ำจืด ก่อนที่จะเกิดความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ นอกจากนี้ การค้นพบใหม่แต่ละครั้งทำหน้าที่เป็นแรงผลักดันอันทรงพลังสำหรับการดำเนินการอนุรักษ์

นอกเหนือจากความตื่นเต้นในการพบสายพันธุ์ที่สูญหาย นักวิทยาศาสตร์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ยังมีโอกาสและความรับผิดชอบในการอนุรักษ์ปลาช่อนเชลและความหลากหลายทางชีวภาพอันอุดมสมบูรณ์


ที่มา: ABC NewsEarthPeopleThe Hindustan Times