กฟภ. ปักธง 'พลังงานสะอาดเพื่อดาต้าเซ็นเตอร์' หนุนไทยเป็นฮับ ชูไฟฟ้าเสถียร

กฟภ. ปักธง 'พลังงานสะอาดเพื่อดาต้าเซ็นเตอร์' หนุนไทยเป็นฮับ ชูไฟฟ้าเสถียร

ดาต้าเซ็นเตอร์ใน EEC เป็นวาระแห่งชาติ มีความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่สูงถึง 5,400 เมกะวัตต์ ภายใน 2 ปี และคาดแตะ 5,000 เมกะวัตต์ ในปี 2031

KEY

POINTS

  • ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ใช่แค่ที่จัดเก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระดับโลก
  • ดาต้าเซ็นเตอร์ใน EEC เป็นวาระแห่งชาติ
  • มีความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่สูงถึง 5,400 เมกะวัตต์ ภายใน 2 ปี และคาดแตะ 5,000 เมกะวัตต์ ในปี 2031
  • พลังงานสะอาดเพื่อ Data Center รวมศักยภาพกว่า 6,200 เมกะวัตต์ จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน

ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญของโลก ดาต้าเซ็นเตอร์จึงกลายเป็นหัวใจของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์ต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าที่มีความเสถียรสูง และในขณะเดียวกันก็ต้องสอดคล้องกับทิศทางโลกด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ แนวทางการวางระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้ "พร้อมสำหรับการเติบโต" (Grid-Ready for Growth) จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

บนเวทีสัมมนา “Siemens Data Center Conference 2025” ภายใต้แนวคิด "Redefining Data Center Infrastructure – นิยามใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์" จัดโดย Siemens ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม และ กรุงเทพธุรกิจ สื่อเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศไทย

ดร.สมชาย ทรงศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม (วางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้กล่าว Keynote ในหัวข้อ Grid-Ready for Growth: Enhancing Power Reliability and Clean Energy Access for Data Centers (โครงข่ายที่พร้อมเติบโต: การยกระดับความมั่นคงของพลังงานไฟฟ้า และการเข้าถึงพลังงานสะอาดสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์) ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของ PEA ในการขับเคลื่อนความมั่นคงด้านพลังงาน และสนับสนุนการเข้าถึงพลังงานสะอาดสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วประเทศ

กฟภ. ปักธง 'พลังงานสะอาดเพื่อดาต้าเซ็นเตอร์' หนุนไทยเป็นฮับ ชูไฟฟ้าเสถียร

กำลังการผลิตไฟฟ้าพร้อมรองรับ

ดร.สมชาย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการเติบโตของ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องการการเตรียมพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างเร่งด่วน

"ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมกว่า 52,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 36,000 เมกะวัตต์ แสดงให้เห็นว่ามีกำลังผลิตสำรองเพียงพอรองรับการขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC มีความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่จากศูนย์ข้อมูลที่แสดงตัวเข้ามาสูงถึง 5,400 เมกะวัตต์ ภายในเวลาเพียง 2 ปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 5,000 เมกะวัตต์ในปี 2031"

โครงสร้างพื้นฐานมั่นคงระดับสากล

ดร.สมชาย กล่าวด้วยว่า PEA ดูแลโครงข่ายไฟฟ้าใน 74 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC มีสถานีไฟฟ้าแรงดันสูงระดับ 230/500 เควี ของ กฟผ. รวม 11 แห่ง และสถานีของ PEA เองอีก กว่า 120 แห่ง พร้อมรองรับการเชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

"ระบบไฟฟ้าในพื้นที่ตะวันออกยังออกแบบเป็นแบบ Ring Network ที่มีความมั่นคงและมีระบบสำรองครบถ้วน โดยมีค่าความน่าเชื่อถือของระบบ (SAIFI) อยู่ที่ 1 ครั้ง/ปี และ (SAIDI) ประมาณ 20 นาที/ปี ซึ่งถือว่าเทียบเคียงมาตรฐานเมืองใหญ่ในระดับสากล นอกจากนี้ PEA ยังมี Soft Service ที่อำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการอย่างรวดเร็วและโปร่งใส"

พลังงานสะอาดเพื่ออนาคตดิจิทัล

PEA มุ่งมั่นสนับสนุน พลังงานสะอาดให้กับศูนย์ข้อมูล โดยมีศักยภาพจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนรวมกว่า 6,200 เมกะวัตต์ ผ่านโครงการสำคัญ ได้แก่

  • Direct PPA (2,000 เมกะวัตต์): คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติอนุมัติแล้ว โดยรอความชัดเจนด้านกลไกค่าใช้บริการระบบ (Wheeling Charge) ซึ่ง PEA จะเป็นผู้เชื่อมต่อผ่านระบบ Third Party Access (TPA)
  • UGT1 (Utility Green Tariff 1): มีผู้จองผ่าน PEA แล้ว 190 ล้านหน่วย และยังคงเหลือโควต้าอีก 1,600 ล้านหน่วย ที่พร้อมใช้กับศูนย์ข้อมูล
  • UGT2 (Utility Green Tariff 2) : คาดว่าจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการเข้าถึงพลังงานสะอาด โดยอยู่ระหว่างการกำหนดนโยบายร่วมกับภาคกำกับดูแล

PEA ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ TPA ให้สามารถเปิดตลาดพลังงานสะอาดแบบเสรีระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ได้ในระยะยาว

แผนการรองรับในทุกระยะ

ระยะเร่งด่วน (Urgent): คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่จากศูนย์ข้อมูล เพื่อบรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติ (PDP) และวางแผนโครงข่ายอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอให้พิจารณานำศักยภาพของโรงไฟฟ้า SPP เดิมในพื้นที่ EEC กลับมาใช้ชั่วคราวระหว่างรอโครงการใหม่

ระยะกลาง (Medium Term): เสนอมาตรการให้สามารถสร้างสายส่ง 230 เควี ตามแนวทางหลวง เพื่อเร่ง Lead Time ของโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมศึกษาพื้นที่ทางเลือกที่มีโครงข่าย 500 เควีพาดผ่าน เช่น พื้นที่นอก EEC และเตรียมหารือกับ BOI เพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เหล่านี้

ระยะยาว (Long Term): เตรียมเสนอปลดล็อกระเบียบ เพื่อให้สามารถจัดหาพลังงานสะอาดให้กับศูนย์ข้อมูลได้โดยตรงในอนาคต หากแนวโน้มความต้องการพลังงานสีเขียวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"PEA ขอยืนยันว่า เราให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่ และกำลังเร่งดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อให้ผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลสามารถดำเนินกิจการได้ตามแผน โดยมีระบบไฟฟ้าที่มั่นคง และเข้าถึงพลังงานสะอาดได้อย่างยั่งยืน"